รีเซต

ญาติอาลัย 'น้องเอ' เหยื่อรถพ่วง เผยเตรียมบินเรียนอเมริกา เชื่อวิญญาณยังมีห่วง

ญาติอาลัย 'น้องเอ' เหยื่อรถพ่วง เผยเตรียมบินเรียนอเมริกา เชื่อวิญญาณยังมีห่วง
มติชน
14 กรกฎาคม 2565 ( 16:01 )
55
ญาติอาลัย 'น้องเอ' เหยื่อรถพ่วง เผยเตรียมบินเรียนอเมริกา เชื่อวิญญาณยังมีห่วง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 กรกฎาคม ที่จ.นครพนม ดร.มนพร เจริญศรี (ส.ส.เดือน) ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว นายธนาวุฒิ ยะสา หรือน้องเอ อายุ 20 ปี ชาวบ้านกุดสะกอย จ.นครพนม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม เหยื่อรถพ่วงบรรทุกมรณะ ที่เสียชีวิตจากการถูกรถพ่วงชนรถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ใกล้จุดยูเทิร์นอันตราย ห่างจากตัวเมืองประมาณหลัก กม.ที่ 13 ถนนทางหลวง หมายเลข 212 ตอนท่าควาย – กลางน้อย เขตพื้นที่ บ้านหนองเซา ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งผู้ตายเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ เสียชีวิตคาที่ ส่วนเพื่อนซ้อนท้าย คือ นายยศพล ฮ่มซ้าย หรือน้องบีม อายุ 20 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาพืชศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร อาการยังวิกฤติ ถูกตัดขาซ้าย ส่วนสาเหตุคาดว่าคนขับรถบรรทุกหลับใน ซึ่งมีภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดบันทึกภาพหลักฐานได้ อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีเอาผิดคนขับ ของ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม

นายสมหมาย ก่านจันทร์ อายุ 65 ปี พร้อมภรรยา คือ นางสมหมาย ก่านจันทร์ อายุ 67 ปี  พ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง เนื่องจากแม่น้องเอ เสียชีวิตตั้งแต่ 1 ขวบ ส่วนพ่อ ไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการร่วมประกอบพิธีไว้อาลัย ฌาปนกิจ ตามประเพณีความเชื่อ มีญาติพี่ น้อง และเพื่อนนักศึกษา เดินทางมาร่วมงาน ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนบริษัท เจ้าของรถบรรทุก เดินทางมาร่วมไว้อาลัย และแสดงความรับผิดชอบเยียวยาชดเชย ความเสียหายทั้งหมด อีกทั้งยืนยันว่ารถบรรทุกดังกล่าว มีกรมธรรม์คุ้มครอง ตามกฎหมาย

นายสมหมาย กล่าวว่า ตนเป็นญาติทางแม่น้องเอ ที่เสียชีวิตตั้งแต่น้องเอ ได้ 1 ขวบ จึงเลี้ยงดูมา เนื่องจากพ่อน้องเอ เป็นชาวลาวที่ไปทำงานประเทศที่ 3 คือ สหรัฐอเมริกา และยังคงติดต่อพูดคุยกับลูกชายตลอด ที่สำคัญไม่นานมานี้ ได้วางแผนทำเอกสารให้ลูกชาย เพื่อที่จะเดินทางไปเรียนต่อ และทำงานที่สหรัฐอเมริกา อยากได้ลูกไปอยู่ใกล้ชิด แต่ติดช่วงโควิด จึงรอสถานการณ์คลี่คลาย โดยพื้นฐานส่วนตัวน้องเอปกติเป็นคนเรียนดี มาตั้งแต่เด็ก รักครอบครัว ไม่เคยเกเร ทำงานช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตร เคยวางอนาคตไว้ว่าหากไม่ไปทำงานที่ต่างประเทศกับพ่อ จะเปิดฟาร์มวัวเลี้ยงโคขุน เนื่องจากศึกษามาด้านนี้ ไม่คิดว่าวสุดท้ายจะมาอายุสั้นเพราะอุบัติเหตุ อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินคดีกับคู่กรณีให้ถึงที่สุด ส่วนความเสียหายตนคิดไว้ในใจเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มค่ากับคนที่ตายไป แต่หากมีการชดเชยตามกระบวนตามกฎหมาย จะต้องไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ยอมรับเสียดายอนาคตน้องเอ มาก เมื่อคืนวันก่อนมีญาติฝันว่าวิญญาณน้องเอยังห่วง และยังคาใจอยากให้คนขับมาขอขมาครอบครัว แต่คนขับยังอ้างว่ารักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งทางญาติจะได้ไปประกอบพิธีตามความเชื่อ เชิญวิญญาณจากที่เกิดเหตุ เพื่อส่งไปสู่ภูมิภพที่ดี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง