รีเซต

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยัน7 มิ.ย. มีวัคซีนโควิด 3.5 ล้านโดสเริ่มฉีดทั่วไทย ชี้มิ.ย.จะมีกว่า 6 ล้านโดส

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยัน7 มิ.ย. มีวัคซีนโควิด 3.5 ล้านโดสเริ่มฉีดทั่วไทย ชี้มิ.ย.จะมีกว่า 6 ล้านโดส
มติชน
4 มิถุนายน 2564 ( 14:17 )
44
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยัน7 มิ.ย. มีวัคซีนโควิด 3.5 ล้านโดสเริ่มฉีดทั่วไทย ชี้มิ.ย.จะมีกว่า 6 ล้านโดส

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยัน 7 มิ.ย. มีวัคซีนโควิด 3.5 ล้านโดสฉีดทั่วไทย สัปดาห์ที่ 3 อีก 8.4 แสน และอีก 2.5 ล้านปิดท้ายเดือน

 

 

วันนี้ ( 4 มิ.ย. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการกระจายวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.2564 ซึ่งจะมีการคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกันวันที่ 7 มิ.ย. 2564 ว่า เป้าหมายสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ว่า คนไทยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยที่สมัครใจต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ทุกคนโดยไม่คิดมูลค่า แต่หากเป้าหมายเพื่อฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับประเทศ เพื่อให้ประเทศปลอดภัย ชีวิตเดินต่อไปได้ ต้องฉีดอย่างน้อยให้ได้ 50 ล้านคนของพี่น้องประชาชน การจัดการเรื่องนี้จะประกอบด้วยการจัดหา กระจายวัคซีน การเตรียมพร้อมจุดวัคซีน

 

 

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.จนถึง พ.ค. ที่มีการฉีดวัคซีนซิโนแวค ฉีดไปทั้งสิ้น 3,644,859 โดส โดยเฉพาะกทม.ฉีดไปแล้วกว่า 1 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดหาวัคซีนปี 2564 เป้าหมายที่นายกฯ ให้ไว้คือให้ได้ 100 ล้านโดส และปี 2565 หาเพิ่มอีก 50 ล้านโดส รวมเป็น 150 ล้านโดส ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลวิชาการที่มีอาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นอีก 1 เข็ม รวมทั้งต้องมีแผนเตรียมไว้กรณีวัคซีนสำหรับเชื้อที่กลายพันธุ์ ในรุ่นใหม่ๆ ซึ่งตรงนี้จะอยู่ในส่วนหาเพิ่มอีก 50 ล้านโดส โดยขณะนี้มีการจัดหาตามแผนวัคซีน 100 ล้านโดส แบ่งเป็นจัดหาวัคซีนของซิโนแวค 6 ล้านโดส วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้ส่งมาแล้ว 2 ล้านโดส รวมกันจะเป็น 67 ล้านโดส

 

 

ดังนั้น ในปี 2564 ยังขาดวัคซีนอีก 33 ล้านโดส ซึ่งต้องจัดหาเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนลงนามในสัญญากับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นไปด้วยดีคาดว่าจะลงนามในสัปดาห์หน้า และในส่วนของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อยู่ในขั้นตอนการเตรียมทำสัญญา ซึ่ง 2 วัคซีนนี้จะได้ 25 ล้านโดส และจะมีแผนจัดหาวัคซีนซิโนแวคอีก 8 ล้านโดส เมื่อพิจารณาตัวเลขจะครบ 100 ล้านโดส ซึ่งเดือนนี้น่าจะมีข่าวดีต่อไป

 

 

 

อีกประการหนึ่งวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ทั้งซิโนแวค และแอสตร้าฯ ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมทั้งคณะกรรมการวิชาการได้ทบทวนข้อมูลวิชาการว่า วัคซีนทั้ง 2 ชนิดสามารถให้ได้ในประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป และสามารถให้ได้ในกลุ่มอายุเกิน 60 ปีเช่นกัน ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การบริหารจัดการวัคซีนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การกระจายวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก ดังนั้น การมีวัคซีนจำนวนมากรอไว้ค่อยไปซื้อ คงไม่ทัน ขบวนการคือ มีการผลิตเสร็จจะส่งมอบ มีการรับ และกระจายทันที เพราะฉะนั้นแผนจะกระจายทุกสัปดาห์

 

 

 

“โดยรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ สธ. จึงให้แนวว่าจะต้องกระจายต่อเนื่องอย่างน้อยทุกสัปดาห์ เมื่อไหร่มีวัคซีนผลิตในไทยได้ ทุกสัปดาห์ก็จะทบทวนและกระจายอย่างต่อเนื่อง“ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

 

 

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงการฉีดวัคซีนตามแผนหลัก ส่วนเดือน มี.ค. เม.ย.และพ.ค.มีเหตุการณ์ระบาดจึงต้องจัดหาเพิ่มเติม โดยในสัปดาห์นี้มีวัคซีนแอสตราฯ 2 ล้านโดส โดย 2 แสนโดสแรกส่งไปแล้ว ตามข่าวที่ระบุว่ากระจายแต่ละจังหวัดได้ 3,600นโดส แต่เมื่อมีอีก 1.8 ล้านโดสก็จะส่งเพิ่มเติมในจังหวัดต่างๆเข้าไป และจะมีวัคซีนซิโนแวคอีก 1.5 ล้านโดส

 

 

ขณะนี้มีวัคซีนในมือที่จะฉีดตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไปรวมจำนวน 3,540,000 โดส และหลังจาก 2 สัปดาห์แรกแล้ว ในสัปดาห์ที่ 3 เราจะมีวัคซีนอีกอย่างน้อย 840,000 โดส และสัปดาห์ที่ 4 อีกจำนวน 2,580,000 โดส ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีการตกลงกับทางบริษัทเบื้องต้น อาจมีการเพิ่มหรือลด ในภาพรวมเดือน มิ.ย.จะมีวัคซีนมากกว่า 6 ล้านโดส ปลายเดือนนี้จึงคาดว่าจะฉีดให้ได้ 10 ล้านโดสรวมจากฉีดไปก่อนแล้วเกือบ 4 ล้านโดส

 

 

ส่วนการกระจายไปยังจังหวัดต่างๆนั้น 1. แต่ละจังหวัดต้องมีวัคซีนแอสตราฯ และซิโนแวคเพื่อบริการพี่น้องประชาชน เฉลี่ยเป็นพื้นฐานตามจำนวนประชากรในพื้นที่และประชากรแฝง หรือหารเฉลี่ยตามจำนวนประชากร 2.จังหวัดที่มีการระบาดมาก อย่างกทม. ปริมณฑล หรือจ.เพชรบุรี จะมีการจัดวัคซีนเสริมเข้าไป อย่างกทม. ที่ผ่านมาฉีดแล้ว 1 ล้านโดส ตามแผนมิ.ย.จะฉีดให้ได้อย่างน้อย 2.5 ล้านโดส รวมทั้งนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ซึ่งเป็นปริมณฑล แต่การระบาดค่อนข้างรวดเร็ว หากสัปดาห์หน้ามีการปรับเปลี่ยนก็ต้องปรับเรื่องการเสริมวัคซีนด้วย รวมทั้งกรณีเรือนจำเช่นกัน

 

 

3.จังหวัดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายพิเศษ อย่างจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เมื่อเทียบอัตราประชากร จะพบว่ามีพี่น้องประชาชนฉีดมากที่สุด ขณะนี้เกิน 50 เปอร์เซนต์ ซึ่งภูเก็ตจะเปิดจังหวัดรองรับนักท่องเที่ยวก็จะมีแผนพิเศษ รวมทั้งกลุ่มแรงงาน ที่ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งกลุ่มชายแดนเศรษฐกิจก็จะใส่วัคซีนเสริมเติมเข้าไป เช่น ชลบุรี ระยอง จังหวัดชายแดน อย่างจ.ตาก

 

 

“อีกประการหนึ่งเพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานผู้ประกันตนประกอบกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยจะมอบให้สำนักงานประกันสังคมอีก 1 ล้านโดสไปฉีดแก่ผู้ประกันตน รวมทั้งผู้ที่ขึ้นทะเบียนจองฉีดวัคซีนในระบบ “หมอพร้อม” ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนฉีดแต่อย่างใด” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

 

 

 

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับจุดฉีดวัคซีนจะต้องอยู่ภายใต้การกำกับของแพทย์ สถานพยาบาล ภายใต้มาตรการกำหนด มีระบบติดตามภายหลังฉีดวัคซีน 30 วันเป็นไปตามมาตรฐานกรมควบคุมโรคกำหนด โดยขณะนี้มีจุดฉีดในต่างจังหวัดรวม 993 จุด พร้อมให้บริการในวันที่ 7 มิ.ย. นี้ ส่วน กทม.มีจุดฉีด 25 จุด สำนักงานประกันสังคมมี 25 จุด อีกจุด คือของทางมหาวิทยาลัยต่างๆ จุฬาฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยะรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวม 11 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยมีโควต้าวัคซีนประมาณ 5 แสนโดสสำหรับบุคลากรของตนเอง และอาจเพิ่มเติมในประชาชนกลุ่มรอบๆ ซึ่งจะมีจุดฉีดมากกว่านี้

 

 

 

นอกจากนี้ ยังมีจุดฉีดกลางอีก 10 แห่ง เช่น สถานีกลางบางซื่อ สถาบันราชานุกูลสำหรับเด็กพิเศษและผู้ด้อยโอกาสผู้พิการ ศูนย์กลางแพทย์บางรัก จุดฉีดสำหรับต่างชาติ เป็นต้น จะมีการประกาศออกไป โดยแต่ละจุดฉีดจะมีการปรับเปลี่ยนได้ต่อไป โดยสามารถติดตามได้จากพื้นที่จังหวัดนั้นๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง