รีเซต

“WHAUP” เซ็น Solar Rooftop ปริ๊งซ์ เฉิงซาน ไทร์ เฟส 2 ขนาด 4.80 MW

“WHAUP” เซ็น Solar Rooftop ปริ๊งซ์ เฉิงซาน ไทร์ เฟส 2 ขนาด 4.80 MW
ทันหุ้น
29 พฤษภาคม 2566 ( 09:57 )
65

“WHAUP” เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาโรงงาน ปริ๊งซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) เฟสที่ 2 ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 4.80 เมกะวัตต์รวมเป็น 24.24 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 3 บนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ด้าน CEO “สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ” ระบุความร่วมมือกับ “ปริ๊งซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย)ตอกย้ำการเป็นผู้ดำเนินการโครงการโซลาร์บนหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อย CO2Offset ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 445,251 ตัน ตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี

 

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์ในโครงการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) เฟสที่ 2 ที่มีขนาดการผลิตไฟฟ้า 4.80 เมกะวัตต์ต่อกับ พรินซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2567 โดยเฟสที่ 2 มีการติดตั้ง Solar Rooftop บนพื้นที่หลังคาโรงงานขนาด40,000 ตารางเมตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อ WHAUP นับตั้งแต่ที่ได้ย้ายฐานการผลิตมาตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 3 บนพื้นที่ 285 ไร่ เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา และยังเป็นพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 

 

ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้ดำเนินการโครงการโซลาร์บนหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 24.24 เมกะวัตต์ และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการให้บริการติดตั้ง Solar rooftop แบบครบวงจรของ WHAUP โดยโครงการทั้ง 2 เฟสนี้สามารถช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อย CO2Offset ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 445,251ตันตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี

 

“การติดตั้งโครงการนี้ส่งผลให้ยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของ WHAUP เพิ่มขึ้นแตะระดับ 703.19 เมกะนอกจากนี้ WHAUP ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน พร้อมเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆโดยเฉพาะการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่วางไว้”

 

ด้าน มร.จาง โหย่วกั้น คณะกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไปโรงงาน ปริ๊งซ์ เฉิงซานไทร์ (ประเทศไทย) ในเครือเฉิงซาน กรุ๊ป กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) เฟสที่ 2 มีขนาดการผลิตไฟฟ้า 4.80 เมกะวัตต์ เฉิงซาน กรุ๊ป ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลจีนในการพัฒนาการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่ม ลดปริมาณคาร์บอนให้ต่ำลงและเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้สูง รวมถึงแนวคิดการผลักดันแนวคิดเส้นทางสายไหมสีเขียว (Green Silk Road) สำหรับกระบวนการผลิตในต่างประเทศนั้น และยึดมั่นในแนวคิดของการก่อสร้างโรงงานสีเขียวเสมอมา

 

โดยได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อเร่งการบูรณาการเชิงลึกของอุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิม เพื่อรับประกันความมั่นคงทางระบบนิเวศอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันได้ประสบความสำเร็จในเฟสแรกและดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งความร่วมมือกับบริษัทดับบลิวเอชเอยูทิลิตี้ส์แอนด์พาวเวอร์จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้โรงงานของ ปริ๊งซ์ เฉิงซานไทร์ (ประเทศไทย) มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 24.24 เมกะวัตต์ สิ่งนี้จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการพัฒนาโครงการสีเขียวเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชน และสิ่งแวดล้อม

 

“โครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในการส่งเสริมการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และยังช่วยให้บริษัทฯสามารถบรรลุเป้าหมายด้านการลดต้นทุนพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ปริ๊งซ์เฉิงซานได้ยึดมั่นปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องโดยโครงการเฟสแรกช่วยให้บริษัทฯ ลดต้นทุนการผลิตจากการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ตลอดอายุการใช้งาน 25 ปีสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2Offset) ที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 357,118 ตัน ส่วนโครงการเฟสที่ 2 ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2Offset)  ที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 88,133 ตัน ตามนโยบายรักษ์โลกลดโลกร้อนและลดการเกิดภาวะเรือนกระจกอีกด้วย” มร.จาง กล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง