ช่วงปลายปีแบบนี้ ไม่ว่าจะเลื่อนฟีดไปทางไหน ก็จะเห็นแต่คำนี้เต็มไปหมด — “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือฟรีแลนซ์สายท่องเที่ยว น่าจะร้องว้าวพร้อมกันแน่ ๆ เพราะนี่คือหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลเอามากระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในประเทศ ที่นอกจากจะได้ไปพักผ่อน รีเซ็ตหัวใจแล้ว ยัง “ได้ลดหย่อนภาษี” อีกด้วย — ฟังดูเหมือนเล่นเกมที่ได้แต้มสองต่อเลยจริง ๆ ในฐานะคนที่ชอบเที่ยวมาก และต้องคำนวณภาษีทุกสิ้นปี (แบบคนทำงานทั่วไป) มาตรการนี้ถือว่าโดนใจสุด ๆ วันนี้เลยอยากมาเล่า ประสบการณ์ + รีวิวเชิงวิเคราะห์ให้ฟังว่า “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” มันเวิร์กไหม ใครได้ประโยชน์ อะไรคือข้อควรระวัง และสุดท้ายแล้วควร “เที่ยวเพราะอยากเที่ยว” หรือ “เที่ยวเพราะอยากลดหย่อนภาษี” กันแน่ 🌄 1. มาตรการ “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” คืออะไร? พูดง่าย ๆ คือ รัฐบาลอยากให้คนไทยหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยออกนโยบายให้ สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในประเทศมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท (บางโครงการถึง 1.5 เท่าของยอดจ่าย) ครอบคลุมทั้ง ค่าที่พักโรงแรม โฮมสเตย์ ที่มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ค่าบริการทัวร์หรือแพ็กเกจนำเที่ยว ค่าเดินทาง เช่น รถเช่า หรือแพ็กเกจที่รวมตั๋วโดยสาร รวมถึงสินค้า OTOP หรือของฝากในพื้นที่บางประเภท ช่วงเวลาที่ใช้ได้ (ปี 2568 นี้) คือ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 ซึ่งตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี ใครที่วางแผนไปเที่ยวเหนือ เที่ยวน้ำตก หรือไปเที่ยวทะเลใต้ ปลายปีนี้คือโอกาสทองเลยครับ 🧭 2. ทำไมมาตรการนี้ถึง “ดัง” ทุกปี? เพราะมันคือ “การลดหย่อนที่จับต้องได้” ต่างจากการลงทุนใน RMF/SSF ที่ต้องใช้เงินก้อน หรือประกันชีวิตที่มีภาระผูกพันยาว ๆ แต่การ ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี คือสิ่งที่เรา “อยากทำอยู่แล้ว” เพียงแต่ปีนี้มันได้ของแถมเป็น “ภาษีคืน” ด้วย อีกเหตุผลคือ ความรู้สึกว่า “เราได้ช่วยชาติ” เวลาไปเที่ยวเมืองรองอย่าง น่าน แม่ฮ่องสอน บุรีรัมย์ หรือสุโขทัย เงินที่เราจ่ายออกไป มันกระจายถึงคนท้องถิ่นจริง ๆ ทั้งแม่ค้า ร้านกาแฟ โฮมสเตย์ คนขับรถทัวร์ ซึ่งต่างจากการช็อปออนไลน์ที่เงินอาจจะไม่ลงสู่ชุมชนมากนัก ☕ 3. มุมมองจากประสบการณ์จริง: ทริปเชียงรายปีที่แล้ว ปีที่แล้วผมได้ใช้สิทธิ์นี้ตอนไปเที่ยวเชียงราย 4 วัน 3 คืน จองโรงแรมผ่านเว็บที่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ใช้บริการรถเช่าท้องถิ่นที่มีใบเสร็จในระบบ และซื้อของฝาก OTOP ที่มีใบกำกับภาษี (แม่ค้าบอกเลยว่าต้องขอไว้ตั้งแต่ต้น เพราะบางร้านไม่ออก) รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาท ตอนยื่นภาษีต้นปีนี้ ผมได้ลดหย่อนเต็ม ๆ และคำนวณแล้วประหยัดภาษีไปเกือบ 2,000 บาท พูดง่าย ๆ คือ “เที่ยวฟรีหนึ่งคืน” ได้เลยครับ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ ความรู้สึกดีที่เงินที่เราใช้ มันกลับมาหมุนในประเทศ และยังช่วยสนับสนุนธุรกิจเล็ก ๆ ที่พยายามฟื้นตัวหลังโควิด 📊 4. วิเคราะห์เชิงลึก: มาตรการนี้คุ้มค่าหรือไม่? ✅ ข้อดี กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นได้จริง โรงแรม ร้านอาหาร ทัวร์เล็ก ๆ ได้ประโยชน์ตรง ๆ หลายพื้นที่รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30-40% หลังมีมาตรการนี้ คนทำงานได้พักจริง ๆ เพราะแรงจูงใจเรื่อง “ลดหย่อนภาษี” ทำให้หลายคนวางแผนเที่ยวที่เคยผลัดไว้ ไม่ต้องรู้สึกผิดที่ลางาน เพราะบอกได้เลยว่า “ไปทำประโยชน์ให้ประเทศครับ!” ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ คนเริ่มให้ความสำคัญกับใบเสร็จ ภาษี การจ่ายอย่างถูกต้อง มันทำให้ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวสะอาดขึ้นในระยะยาว ⚠️ ข้อควรระวัง ต้องเป็นค่าใช้จ่ายในประเทศเท่านั้น เที่ยวญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไม่เข้าข่ายนะครับ ถึงจะได้แต้มในใจแต่ไม่ลดภาษี ต้องขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (ไม่ใช่ใบเสร็จรับเงินธรรมดา) ซึ่งร้านค้าหลายแห่ง โดยเฉพาะร้านเล็ก ๆ อาจไม่มีระบบภาษี ถ้าไม่ได้ใบถูกต้อง ก็จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้เลย อย่าลืมเก็บหลักฐานทุกอย่าง ภาพใบเสร็จ ใบกำกับภาษี ไฟล์ PDF หรือใบจองโรงแรม เพราะตอนยื่นภาษีจริง กรมสรรพากรอาจเรียกตรวจสอบได้ 🏡 5. เที่ยวเมืองรอง = ได้เพิ่ม 1.5 เท่า จริงไหม? ใช่ครับ ปี 2568 นี้ ครม.อนุมัติให้ “เที่ยวเมืองรอง” (เช่น ลำปาง แพร่ แม่ฮ่องสอน น่าน บุรีรัมย์ ตรัง ฯลฯ) สามารถนำมาคิดลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของยอดจ่ายจริง เช่น ใช้จ่าย 10,000 บาท จะคิดเป็น 15,000 บาท สำหรับการลดหย่อน อันนี้แหละคือเหตุผลว่าทำไมหลายคนเลือกขับรถเที่ยวเหนือ หรือไปนอนโฮมสเตย์ไกล ๆ แทนที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะคุ้มสุด ๆ 🧳 6. แนะนำแผนเที่ยวที่ใช้สิทธิ์ได้จริง ถ้าใครอยากใช้สิทธิ์ “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” ให้คุ้ม ผมขอแนะนำ 3 แผนนี้ครับ 🏔️ Plan 1: เที่ยวเหนือรับลมหนาว (เชียงราย – น่าน – แพร่) ใช้รถเช่าที่มีใบกำกับภาษี พักโรงแรมหรือโฮมสเตย์ที่จดทะเบียนภาษี ซื้อกาแฟ ร้าน OTOP หรือผ้าทอพื้นเมืองแบบมีใบเสร็จ ➡️ ได้ทั้งวิว ได้ทั้งลดหย่อน 1.5 เท่า 🌴 Plan 2: เที่ยวทะเลใต้ (พังงา – ระนอง – นครศรีธรรมราช) จองที่พักผ่านแอปที่มีระบบออกใบกำกับภาษี ใช้บริการนำเที่ยวดำน้ำที่มีใบเสร็จทางการ ➡️ แนะนำจ่ายผ่านบัตรเครดิต/พร้อมเพย์เพื่อมีหลักฐานซ้ำอีกชั้น 🌾 Plan 3: เที่ยวใกล้กรุง (อยุธยา – สุพรรณบุรี – นครปฐม) เหมาะกับสายวันหยุดสั้น ๆ แม้จะไม่ใช่เมืองรอง แต่ลดหย่อนได้ตามจริง 1 เท่า ➡️ เอาไว้เป็นทริปปิดท้ายก่อนหมดสิทธิ์ช่วงกลางธันวา 💡 7. จากมุมมองนักท่องเที่ยว: เที่ยวเพราะได้ลดภาษี หรือเพราะอยากเที่ยว? ส่วนตัวผมมองว่า “เหตุผลแรกไม่ผิด” หลายคนอาจเริ่มต้นจากความอยากใช้สิทธิ์ แต่พอได้ออกไปสัมผัสจริง ๆ มันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้รักการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ผมเคยเจอเจ้าของโฮมสเตย์ที่พูดประโยคหนึ่งว่า “แค่มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่ม 10 คนต่อสัปดาห์ ก็ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้แล้ว” คำพูดนั้นมันสะเทือนใจมาก มาตรการ “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” จึงไม่ได้แค่ช่วยนักท่องเที่ยว แต่ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้หายใจด้วย 🧠 8. มุมคิดเชิงวิเคราะห์จากครีเอเตอร์สายเที่ยว ผมเคยรีวิวเรื่องนี้ในเพจตัวเอง แล้วมีคนมาคอมเมนต์สองกลุ่มใหญ่ ๆ “ดีเลยครับ ได้เที่ยวฟรีแถมลดภาษี” “ทำไมต้องให้ลดหย่อนเฉพาะคนที่มีเงินเที่ยว?” สองมุมนี้สะท้อนประเด็นใหญ่ในนโยบายสาธารณะเลย คือ มาตรการนี้ไม่ได้ช่วยคนทุกกลุ่มเท่ากัน — คนที่มีรายได้พอสมควรจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจภาพรวม มันช่วยกระจายรายได้สู่ภูมิภาคได้จริง ดังนั้น คำตอบของผมคือ “มันไม่สมบูรณ์แบบ แต่ดีกว่าไม่มี” และอย่างน้อยที่สุด มันทำให้เราหันมาคิดถึงภาษีอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น จากเดิมที่เรามองว่า “ภาษีคือเงินที่หายไป” กลายเป็น “ภาษีที่ได้กลับคืนมาในรูปของประสบการณ์” 📸 9. เคล็ดลับสำหรับสายคอนเทนต์ ถ้าใครเป็นครีเอเตอร์หรือบล็อกเกอร์สายเที่ยวแบบผม อย่าลืมใช้โอกาสนี้สร้างคอนเทนต์ด้วยครับ เช่น “5 ที่เที่ยวใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้จริง” “พาเที่ยวเมืองรอง ได้ลดภาษี 1.5 เท่า” “How to ขอใบกำกับภาษีจากโฮมสเตย์เล็ก ๆ” เพราะช่วงนี้คนหาคำว่า “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” เยอะมาก และถ้าเราทำคอนเทนต์ที่ช่วยให้เขาเข้าใจสิทธิ์มากขึ้น มันทั้งมีประโยชน์และสร้างยอด Engagement ได้ดีสุด ๆ 🧾 10. สรุป: เที่ยวดี มีคืน ได้ใจนักท่องเที่ยว สรุปจากประสบการณ์ตรง + วิเคราะห์จากหลายปีที่ผ่านมาคือ มาตรการ “ท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” เป็นหนึ่งในนโยบายที่ “คนได้ประโยชน์จริง” มากที่สุด ถ้าเราเข้าใจวิธีใช้สิทธิ์ และเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน มันคือการรวม “ความสุข” กับ “ความคุ้มค่า” เข้าด้วยกันอย่างลงตัว “เที่ยวให้สนุก แล้วให้ภาษีคืนเรา” — ฟังดูเล่น ๆ แต่ทำได้จริงนะครับ ปีนี้ผมวางแผนไว้แล้ว ปลายพฤศจิกายนจะไปเชียงคาน นอนริมโขง กินข้าวเช้าที่ตลาดเช้า ซื้อผ้าทอจากแม่ค้า แล้วขอใบกำกับภาษีไว้เรียบร้อย เพราะทุกใบเสร็จคือความทรงจำ และภาษีที่ได้คืนก็คือรางวัลเล็ก ๆ จากการเที่ยวอย่างมีเป้าหมาย สรุปสั้น ๆ ก่อนปิดบทความ: ใช้สิทธิ์ได้ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 ลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท (เมืองรองได้ 1.5 เท่า) ต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ เที่ยวแล้วเก็บหลักฐานไว้ยื่นตอนต้นปี 2569 เที่ยวปลายปีนี้ อย่าเที่ยวเฉย ๆ — เที่ยวให้ได้ “ลดหย่อนภาษี” กันเถอะครับ 😄 บทความและรูปภาพทั้งหมดมาจากเพจ The KING เดอะคิงส์ ให้การเดินทางของเราเป็นจุดเริ่มต้นเดินทางของคุณ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !