TMILL ส่งซิกยอด Q3 ฟู 10% ใส่เกียร์ขยายตลาดใหม่
TMILL ปั๊มยอดขายไตรมาส 3/2566 โต 5-10% หลังเร่งเครื่องขยายตลาด เจาะฐานลูกค้าใหม่หลายภูมิภาค พร้อมคาดแนวโน้มราคาข้าวสาลีตลาดโลกครึ่งปีหลังปรับตัวลดลง หลังสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย เกาะติดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน-สงครามรัสเซีย กระทบต้นทุน
นางแววตา กุลโชตธาดา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2566 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นกว่า เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาส 2/2566 ประมาณ 5-10% ซึ่งยอดการจำหน่ายเฉลี่ยรวมในไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ระดับ 17,973 ตัน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเร่งขยายตลาดและฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในพื้นที่ต่างๆ ในหลายภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
** รุกขยายตลาด
แม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันในตลาดยังคงมีอยู่สูงมาก ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทมีความจำเป็นที่ต้องปรับลดราคาตามเพื่อรักษาสัมพันธ์กับลูกค้าไว้ ส่งผลให้ราคาจำหน่ายแป้งสาลีต่ำกว่าเมื่อเทียบกับต้นทุนข้าวสาลีนำเข้ามาของบริษัท แต่จากการเร่งขยายตลาดใหม่ บริษัทก็คาดหวังว่ายอดขายใหม่จะเข้ามาช่วยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมทั้งปี 2566 ให้อยู่ในระดับที่เฉลี่ยประมาณ 70-75% ใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
ด้านราคาข้าวสาลีโลกในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 มองว่ามีแนวโน้มการปรับตัวที่ลดลงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ตามสถานการณ์ต่างๆ ที่คลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความขัดแย้งของประเทศรัสเซียที่อาจลดการส่งออกยังทะเลดำ ซึ่งหากไม่มีการต่อสัญญาใหม่ก็จะมีผลกระทบให้ราคาข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจะมีการจัดซื้อข้างสาลีล่วงหน้าจากตลาดหลักประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ประมาณ 3 เดือน
ปัจจุบันวัตถุดิบข้าวสาลีคงคลังที่ถูกซื้อมาในราคาที่สูงยังมีอยู่ แต่เบื้องต้นคาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะถูกดึงมาใช้จนหมด และเริ่มใช้ข้าวสาลีที่มีต้นทุนที่ถูกกว่า นอกจากนี้ ยังคงต้องให้การจับตาในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะต้นทุนกว่า 90% มาจากการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาค่าเงินบาทค่อนข้างมีความผันผวนอยู่มาก แต่อย่างไรก็ดีบริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้การเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนรับมือดังกล่าวและมีการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (FX Forward) ไว้
** ครึ่งหลังปีเด่น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 มองว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลีเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 38,036.49 ตัน และมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 22.88 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรำข้าวสาลีในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 11,997.50 ตัน และมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10.94 บาทต่อกิโลกรัม
ปัจจุบันบริษัทมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งสาลีทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่ แป้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แป้งขนมปัง แป้งอเนกประสงค์ แป้งบิสกิต แป้งบะหมี่สด แป้งซาลาเปา แป้งเค้ก และแป้งปาท่องโก๋ เป็นต้น โดยแบ่งสัดส่วนการจำหน่ายออกเป็น 31.37%, 20.23%, 24.93%, 17.39%, 5.91% และอื่นๆ 0.17% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีสูตรในการผลิตแป้งสาลีอีกมากกว่า 100 สูตรรองรับความต้องการของลูกค้า และมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการลูกค้า
อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 925.51 ล้านบาท ลดลง 0.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนอยูที่ระดับ 926.74 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 55.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.61 ล้านบาท หรือเติบโต 7.0% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ทำได้ 51.93 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งแรกปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 1.1% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในครึ่งแรกปีเฉลี่ยที่ระดับ 63.08%