จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในแต่ละวัน จึงไม่แปลกอะไรที่หลายๆ บริษัทเริ่มมีนโยบายให้พนักงาน work from home หรือทำงานอยู่กับบ้านเพื่อป้องกันความปลอดภายแก่พนักงาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาด แต่การทำงานอยู่กับบ้าน อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเหมือนกับการที่เราได้นั่งทำงานอยู่ที่บริษัท ทำไปทำมาอาจจะไม่ได้งาน หรือทำได้แต่ขาดประสิทธิภาพเท่าที่ควรก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอนำเสนอวิธีเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทุกคนได้ลองไปปรับใช้กันครับ กำหนดตารางเวลาในการทำงานให้เหมือนทำงานที่บริษัทแม้ว่าทางบริษัทจะให้อิสระในการทำงานแก่เรามากขึ้น แต่อิสระที่มากจนเกินไปกลับส่งผลเสียกับการทำงานมากกว่าผลดี เพราะบรรยากาศต่างๆ ภายในบ้านอาจจะเรียกร้องให้เราพักผ่อนมากกว่านังทำงาน เพราะฉะนั้นการกำหนดขอบเขตของเวลาทำงานที่ชัดเจน และเหมือนกับช่วงเวลาทำงานปกติสามารถช่วยกระตุ้นให้เรามีสมาธิ และมีเป้าหมายได้มากกว่า ทั้งยังสะดวกต่อการติดต่อประสานงานกับเพื่อนร่วมงาน และลูกค้าอีกด้วย การทำงานอยู่บ้านเพียงลำพัง ในบางครั้งเราอาจจะหมกมุ่นอยู่กับงานจนลืมเวลาไป และไม่ทันสังเกตว่าเวลานั้นๆ กี่โมงแล้ว การตั้งนาฬิกาปลุก หรือ reminder เพื่อเตือนให้เราได้พักทานข้าวกลางวัน ลุกขึ้นมาขยับร่างกาย บิดขี้เกียจ หรือพักสมองบ้างจิบกาแฟถือเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ เพราะการหยุดพักซักเล็กน้อยสามารถช่วยให้เรากลับมาทำงานอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพวางแผนการทำงานต่างๆ ให้ชัดเจนการวางแผนการทำงานมีส่วนเป็นอย่างมาที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการวางแผนจะช่วยทำให้เรามองเห็นถึงภาพรวม และลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ส่งผลให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่เคยวางแผนในการทำงานเลย อาจจะเริ่มจากการจดบันทึกงานที่จะต้องทำทั้งหมด และมองหาลำดับความสำคัญเร่งด่วนก็ได้ครับ การวางแผนการทำงานอาจจะหลังเลิกงาน หรือก่อนนอนก็ได้ครับ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าในวันรุ่งขึ้นเราจะต้องทำอะไรบ้าง มีข้อมูลอะไรที่เราต้องจัดเตรียม หรือเราต้องติดต่อใครบ้างเพื่อให้การทำงานราบรื่น ถ้าเรามีข้อมูลเหล่านี้บันทึกเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเริ่มงานเราก็สามารถที่จำดำเนินการได้เลยโดยที่ไม่ต้องมานั่งถามตัวเองว่า "วันนี้ชั้นจะทำอะไรดี?" จัดพื้นที่การทำงานให้เหมาะสมแม้ว่าบ้านจะเป็นวิมานในฝันสำหรับใครหลายๆ คน แต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่มีพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่รองรับการทำงานแบบอยู่ที่บ้าน แต่เราก็ไม่สามารถปฎิเสธได้เช่นกันว่าบรรยากาศ และพื้นที่ในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงาน ดังนั้นการจัดพื้นที่ซักมุมหนึ่งในบ้าน เพื่อรองรับการทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเราอาจจะใช้สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่แล้วภายในบ้าน เช่นโต๊ะกินข้าว เคาเตอร์ครัว หรือซักมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ในการทำงานชั่วคราว และเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำงานต่างๆ ให้พร้อม เพื่อที่จะได้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งตัดสิ่งรบกวนต่างๆ ออกจากพื้นที่ให้หมดไม่แปลกอะไรหากว่าเราจะเลือกมุมการทำงานที่แสนสะดวกสบาย โดยเฉพาะภายในบ้านของเราเอง แต่ความสะดวกสบายจนเกินไปอาจทำให้งานไม่ขยับอย่างที่ใจคิด การทำงานบนที่นอน หรือโซฟาที่แสนสบายเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เราควรจะหลีกเลี่ยง เพราะขนาดช่วงเวลาปกติยังเรายังพูดติดตลกกันอยู่บ่อยๆ ว่า "มันดูดวิญญาณ ล้มตัวลงไปแล้วช่างลุกขึ้นมาได้ยากเย็น" แล้วคิดหรือครับว่าในเวลาทำงานพื้นที่แสนสบายเหล่านี้จะช่วยให้งานเสร็จได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ไม่แน่นะครับ เผลอๆ เราอาจจะได้งีบระหว่างทำงานแทนก็เป็นได้สื่อสารให้มากขึ้นอีกสาเหตุหนึ่งที่การทำงานอยู่บ้านไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเกิดจากการขาดการสื่อสารที่ดีร่วมกันภายในทีม การทำงานอยู่ที่บ้านแตกต่างกันอย่างมากกับการทำงานร่วมกันที่บริษัท เพราะถ้าเรายังอยู่ร่วมกันที่บริษัท เราสามารถเดินไปพูดคุยได้ทันทีที่เกิดปัญหา หรือมีข้อสงสัยในการเนื้องาน ดังนั้นเราควรที่จะตระหนัก และให้ความสำคัญกับการสื่อสาร และรับรู้ถึงปัญหาในการทำงานของกันและกัน โดยอาจจะนัดหมายกันเพื่อประชุมผ่าน Video Call วันละครั้งก่อนเริ่มทำงาน เพื่ออัพเดทสถานะ และแผนการทำงานของกันและกัน และติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลาผ่าน group chat หรือโทรศัพท์ โดยหลักในการสื่อสารที่ดี คือการพูดในตรงประเด็น ชัดเจน และทำความเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ผู้รับสาร หรือผู้ร่วมงานสามารถรับรู้ถึงสถานะของงานในขณะนั้นได้อย่างชัดเจนการทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเรื่องที่ยากมากในการปฏิบัติจริง เพราะเราจะต้องเผชิญกับสิ่งเร้า และอุปสรรคสำคัญอาจจะมาในรูปแบบของสมาชิกในครอบครัวของเราที่อาจจะไม่เข้าใจว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาทำงาน และต้องการให้เราใช้เวลาที่อยู่บ้านร่วมกัน การพูดคุยและทำความเข้าใจให้ทุกคนรับทราบว่าเรากำลังทำงาน และไม่สามารถปลีกเวลาไปกับเรื่องส่วนตัวได้เป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อทุกคนเข้าใจในสถานะของเราก็อาจจะกลายเป็นผู้ที่มีส่วนในการสนับสนุนการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้เตรียมเสบียงให้พร้อมไหนๆ เราก็ได้โอกาสกักตัวอยู่บ้านให้ห่างจาก COVID-19 แล้ว การจัดเตรียมเสบียงให้พร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นถือเป็นสิ่งที่ดี และที่สำคัญกว่านั้นการทำอาหารทานเองยังสามารถเลือก และกำหนดวัตถุดิบ และปริมาณได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้เราได้ทานอย่างพอเพียง อ้วนน้อยกว่า และประหยัดเงินมากกว่าการสั่งอาหารจาก Food Delivery ต่างๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้มาส่งแค่เพียงอาหารก็เป็นได้ การทำงานอยู่ที่บ้าน จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวินัยในตนเองของแต่ละบุคคล ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาปกติ ผมคงจะแนะนำให้หอบงานไปทำตาม Working Space หรือร้านกาแฟสงบๆ เพราะพื้นที่การทำงานที่ดี ช่วยให้เรากลั่นกรองความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่การสถานการณ์การระบานของ COVID-19 นี้ การออกจากบ้านไปอยู่ในแหล่งชุมชนช่างดูสุ่มเสี่ยงเสียเหลือเกิน เมื่อทางเลือกน้อยลงเราก็ต้องหาทางทำงานอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุข และทำงานให้ได้งานครับขอให้ทุกคนผ่านช่วงนี้ไปได้อย่างปลอดภัยครับ ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay.com