บทความนี้ยายอยากจะแนะนำหนังสือที่ช่วยให้ทักษะภาษาอังกฤษของคนที่กำลังจะเริ่มเรียนนั้นดีขึ้น ยายจะไม่เน้นไปแนะนำเฉพาะเด็ก ๆ นะคะ เพราะยายคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษนั้น ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็เพิ่งจะได้มีโอกาสเริ่มเรียนเหมือนกัน อาจจะด้วยเหตุผลเพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีโอกาสเรียน หรืออาจจะตั้งใจเรียนเพื่อประโยชน์ในหน้าที่การงาน ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การค้นคว้าหาความรู้ สามารถทำได้ทุกวัน ทุกเพศ และทุกวัย Learning English 1 หนังสือเล่มนี้พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม มีภาพประกอบที่น่ารักมาก ๆ เป็นหนังสือสอนภาษาอังกฤษ ที่ภายในจะมีตัวอย่างเนื้อเรื่องแบบสั้น ๆ และจะมีแบบฝึกหัดให้เราได้ทำสนุก ๆ กัน มีทั้งแบบเติมคำในช่องว่าง ให้เราได้อ่านเนื้อหา อ่านตัวอย่าง แล้วลองเติมคำดู และมีแบบฝึกหัดให้ดูที่รูปภาพและประโยคทั้งสองฝั่ง แล้วให้เราลากเส้นเชื่อมประโยคให้มีความหมายตรงกัน มีแบบให้เราเลือกวงกลมคำตอบที่ถูกต้อง แบบให้เราเลือกเติมคำ นำคำที่ให้ไว้มาใส่เพื่อให้ได้ประโยคที่สมบูรณ์ แบบฝึกหัดเหล่านี้หากเราเริ่มเข้าใจประโยคแล้ว เราก็สามารถนำคำอื่น ๆ มาดัดแปลงลองแต่ประโยคด้วยตัวเราเอง อย่าลืมว่า หากเราได้เรียนภาษาอังกฤษ แต่เราไม่เคยได้ลองพูดภาษา ลองทำบททดสอบ ภาษาอังกฤษของเราจะไม่พัฒนาให้ดีได้เลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำให้เราเก่งขึ้นได้นั้น นั่นก็คือการได้ฝึกฝน ทดลองทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ การได้อ่านบ่อย ๆ ฝึกทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ ก็เหมือนกับเราได้ป้อนอาหารให้กับสมองของเรานั่นเอง หากเราไม่เรียนรู้เอง ก็ไม่มีใครที่จะสามารถยัดเยียดความสามารถเรื่องภาษาให้กับเราได้ เพราะแบบนี้ยายจึงอยากแนะนำหนังสือแบบฝึกหัดเล่มนี้ ยายหยิบหนังสือของหลานชายซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป. 1 มารีวิว เพราะยายเห็นว่ามันเป็นแหล่งความรู้อย่างดี และที่สำคัญ หน้าหลังสุดยังมีเฉลยสำหรับแบบฝึกหัดในหนังสือเล่มนี้อีกด้วย ด้านปกหลัง ราคาหนังสือเล่มละ 75 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่ว ๆ ไป หรือ สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดในภาพได้เลย เพราะนั่นคือเว็บไซต์สำหรับการสั่งซื้อหนังสือนั่นเอง ง่ายมาก ๆ ยายเชื่อว่าทุกโรงเรียนจะต้องมีหลักสูตรภาษาอังกฤษเป็นวิชาพื้นฐานหลักอยู่แล้ว แต่บางโรงเรียนก็ไม่ได้เน้นอะไรมากมาย พ่อแม่ส่วนใหญ่จึงมักส่งลูกหลานให้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมตามโรงเรียนกวดวิชา ด้วยความที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ ซึ่งในปัจจุบันก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตสำหรับหลาย ๆ คน คนที่มีอาชีพ มีหน้าที่การงานที่ต้องคอยพูดคุย ติดต่อกับชาวต่างชาติ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือลูกสาวของยายเอง ทุกวันนี้หากไม่สามารถพูดคุยสื่อสารกับต่างชาติได้ก็คงจะไม่มีงานที่ดี ๆ แบบนี้ โอกาสของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับความมานะพยายาม บางคนก็เพิ่งจะมีโอกาสได้เริ่มต้นเรียนภาษาเมื่อโตแล้ว แต่หากใครที่มีลูกหลาน ก็ควรฝึกไว้ตั้งแต่เล็ก ๆ เลยจะดีที่สุด เพราะพัฒนาการของเด็ก ๆ นั้น มักจะเร็วกว่าและดีกว่าคนแก่ เคยเห็นในข่าวที่เด็กน้อยอายุ 5 - 6 ขวบ สามารถพูดได้มากกว่า 5 ภาษา สุดยอดมาก ๆ ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับพ่อแม่ที่ดูแลใส่ใจลูกได้อย่างดีมาก ๆ ใครที่ยังไม่ได้เริ่ม ยายคิดว่าก็ควรจะเริ่มตั้งแต่วันนี้นะคะ ไม่มีใครแก่เกินเรียนทุกวันนี้ยายก็เหมือนได้กลับไปเริ่มเรียนพร้อมกับหลาน ๆ อีกครั้ง