รีเซต

สิบโทปืนโหดเข้ามอบตัว หลังถูกกดดัน สุดรันทด แม่วัย 67 ปี ป่วย ต้องอยู่ลำพัง

สิบโทปืนโหดเข้ามอบตัว หลังถูกกดดัน สุดรันทด แม่วัย 67 ปี ป่วย ต้องอยู่ลำพัง
มติชน
20 สิงหาคม 2565 ( 09:13 )
64
สิบโทปืนโหดเข้ามอบตัว หลังถูกกดดัน สุดรันทด แม่วัย 67 ปี ป่วย ต้องอยู่ลำพัง

นครพนม สิบโทปืนโหด หรือ สห.วิทย์ สังกัดค่ายพระยอดเมืองขวาง มทบ.210 นครพนม ผู้ต้องหาก่อคดีอุกอาจ ติดต่อผู้บังคับบัญชา ขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังก่อเหตุ ยิงสิบตรี เพื่อนรุ่นน้อง หรือ สห.เกิ้ล ถูกกระหน่ำยิงหมดแม็ก รวม 19 นัด ขณะเข้าเวรยามหน้าค่าย ผู้ต้องหาสารภาพปมขัดแย้งไม่พอใจผู้ตายส่วนตัว ก่อเหตุด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หลบหนีอยู่ป่าถูกเจ้าหน้าที่กดดันข้าม คืน สุดท้ายห่วงแม่ อายุ 67 ปี ป่วยอยู่ลำพัง จึงยอมมอบตัวรับโทษสู้คดี พบประวัติเป็นลูกกตัญญูพ่อตาย เมื่อ 10 ปีก่อน เป็นเสาหลักครอบครัว เคยถูกคัดเลือกรับบ้านยากจนจากกองทัพบก เติบโตจากทหารเกณฑ์ ก่อนเข้ารับราชการเป็นพลสารวัตรทหาร และเลื่อนยศถึงชั้นสิบโท ตำรวจเร่งสอบเตรียมส่งตัวศาลทหาร

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่ สภ.เมืองนครพนม พล.ต.สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง นำตัว สิบโท มานิตย์ จันทะพินิจ หรือ สห.วิทย์ อายุ 33 ปี ตำแหน่งสารวัตรทหาร หรือ สห. มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง นครพนม ชาว อ.ปลาปาก จ.นครพนม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังก่อเหตุ ขับรถจักรยานยนต์ และใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. กระหน่ำยิงเพื่อนรุ่นน้องค่ายเดียวกัน คือ สิบตรี วัชระ อินาลา หรือ สห.เกิ้ล อายุ 29 ปี ตำแหน่งสารวัตรทหาร มทบ.210 นครพนม บ้านเกิด ต.โพนแพง ธาตุพนม จ.นครพนม เสียชีวิต ขณะเข้าเวรป้อมยามรักษาการ หน้าค่ายพระยอดเมืองขวาง เสียชีวิตคาที่ ตรวจสอบรวมปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ทั้งหมด 19 นัด ก่อนหลบหนี ตั้งแต่ช่วงเย็น ของวันที่ 18 สิงหาคม 2565 จนกระทั่งภายหลัง ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ อีกทั้งคาดว่า ผู้ก่อเหตุยังมีความกังวล เป็นห่วงแม่ เนื่องจาก มีพี่แค่น้อง 2 คน เป็นลูกชายคนโต ยังไม่มีครอบครัว ส่วนน้องชายทำงานที่ต่างจังหวัด โดยผู้ต้องหา หรือ สิบโท มานิตย์ จันทะพินิจ หรือ สห.วิทย์ อายุ 33 ปี จะเป็นคนดูแลแม่มาตลอด ซึ่งป่วยตาพร่ามัว ขาอ่อนแรง ไม่มีอาชีพ ไม่สามารถทำงานได้ อีกทั้งพ่อเสียชีวิต เมื่อหลาย 10 ปีก่อน จึงเป็นเสาหลักของครอบครัว สุดท้าย จึงประสานผ่านผู้บังคับบัญชา ไปรับตัว บริเวณปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง เยื้องสนามบินนครพนม โดยทางญาติ รวมถึงเพื่อนบ้าน และแม่ ไม่มีใครคาดคิดว่า ผู้ต้องหา จะก่อเหตุลักษณะนี้ เพราะปกติเป็นคนเงียบ ไม่ก้าวร้าว เชื่อว่ามาจากปัญหาความเครียด

ทั้งนี้จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องหาสารภาพอ้างว่า มีความขัดแย้งส่วนตัวกับผู้ตาย ไม่เข้าใจกันเกี่ยวกับหน้าที่การทำงาน มาก่อน รวมถึงผู้ตายไม่ให้ความเคารพในฐานะรุ่นพี่ แต่ยอมรับเคยสนิทคุ้นเคยร่วมงานกันมาตลอด แต่ช่วงหลังมีปัญหาไม่พอใจส่วนตัว เป็นต้นเหตุของความคับแค้นใจมานาน จนก่อเหตุขึ้นขณะขับรถจักรยานยนต์ จะกลับบ้านไปทานข้าวเย็นกับแม่ ประจวบเหมาะมาเจอหน้าผู้ตายยืนเข้าเวรตู้ยามรักษาการ และมีการแสดงอาการสีหน้าไม่พอใจต่อกัน ซึ่งมีความแค้นในใจส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ไม่มีเจตนาวางแผนจะมายิงผู้ตายโดยตรง ด้วยความโมโหอารมณ์ชั่ววูบ บวกกับพกพาอาวุธปืนมาด้วย ยอมรับดื่มเบียร์มาแค่ 2 กระป๋อง จึงตัดสินใจก่อเหตุ และหลบหนีไปอยู่ป่าละแวกหมู่บ้าน จนสำนึกผิดได้ และห่วงแม่ที่อยู่ลำพัง จึงติดต่อผู้บังคับบัญชาขอเข้ามอบตัวสู้คดี รับโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ ทางด้าน พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พร้อมทีม พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุจริง ภายหลังได้นำตัวคุมขัง ไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม รอการสอบสวนเพิ่มเติม และนำส่งดำเนินคดี ที่ ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี

ด้าน นางบัวไร จันทะพินิจ อายุ 67 ปี ชาวบ้านโพนสวาง ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม แม่ของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนยังไม่รับรู้ว่าลูกชายทำอะไรผิดกฎหมาย มีแต่เจ้าหน้าที่มาตามหาตัว ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา โดยปกติลูกชายจะคอยเดินทางมาดูแลซื้อกับข้าวให้แม่ หากวันไหนไม่ได้เข้าเวร เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว มาตลอดหลังจากพ่อเสียชีวิต มากว่า 10 ปีแล้ว โดยตนมีลูกเพียงสองคน สห.วิทย์ เป็นลูกชายคนโต ปกติพื้นฐานเป็นคนเงียบ ตั้งใจทำงาน ภูมิใจที่ลูกได้รับราชการ หลังจากไปเป็นพลทหาร และสอบเลื่อนชั้นเป็นทหารนายสิบ เข้ารับราชการเป็นสารวัตรทหารได้ เมื่อ 6-7 ปี ที่แล้ว ล่าสุดตนยังไม่รู้ว่าลูกชายทำผิดอะไร เพราะไม่มีคนเล่ารายละเอียดให้ฟัง หากตอนนี้มีคนมาบอกว่าลูกชายทำผิดกฎหมายจริง ตนยังไม่เชื่อ แต่สุดท้ายต้องยอมรับความจริง หากลูกกระทำลงไปในทางที่ผิด และขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตามกฎหมาย หากไม่มีลูกชายตนจะต้องอยู่ลำพัง โดยมีโรคประจำตัวคือ ขาอ่อนแรง และตาพร่ามัว ส่วนลูกชายคนเล็กจะต้องทำงานต่างจังหวัด เพราะลำพังครอบครัวยากจน บ้านที่อยู่ปัจจุบัน ได้รับมอบจาก โครงการมอบบ้านพักคนยากจน กองทัพบกเพื่อประชาชน สร้างถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2555 ช่วงที่ลูกชายเป็นพลทหาร และได้รับคัดเลือกเพราะยากจน ความประพฤติเรียบร้อย

ส่วน นายมานิต ศรีทองทา อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 บ้านโพนสวาง ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับ สิบโท มานิตย์ จันทะพินิจ หรือ สห.วิทย์ อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุ เป็นลูกบ้าน เสมือนลูกหลาน เห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร ยากจน พ่อเสียชีวิตแต่ยังเด็ก มีพี่น้อง 2 คน ต้องเป็นเสาหลักดูแลพ่อแม่ และครอบครัว เริ่มเข้าเป็นพลทหาร และสอบเลื่อนตำแหน่งรับราชการ เป็นสารวัตรทหาร ถือเป็นความภูมิใจของญาติพี่น้อง อีกทั้งถือว่าเป็นคนที่มีความประพฤติเรียบร้อยมาตลอด ไม่ก้าวร้าว และยังเป็นลูกกตัญญู ที่ดูแลแม่ และได้รับคัดเลือก มอบบ้านผู้ยากจนให้ ตามโครงการของกองทัพบก เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย สุดท้ายไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อทำผิดแล้วต้องมารับโทษทางกฎหมาย ยอมรับสภาพกับการกระทำของตัวเอง จากโทษหนักจะได้เป็นเบา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง