TANเดินหน้ารายได้โต20% ย้ำแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

#TAN #ทันหุ้น – TANมั่นใจผลประกอบการในปี 2568 สามารถเติบโตได้ 20% จากแผนการลด SG&A เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร รวมถึงรวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนเน้นลงทุนในโครงการระยะสั้นที่สร้างกำไรได้รวดเร็ว พร้อมปรับสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 15-16% โดยหวังว่าจะเริ่มกลับภายในปี 2569 แย้มทิศทางผลงานยอดขายยังเติบโตได้ดี โบรกให้ราคาเป้าหมาย 5.1 บาท

นายธนพงษ์  จิราพาณิชกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TANผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ลักซ์ชัวรีระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตขึ้น 20% จากปี 2567 ที่ทำได้ 1,736 ล้านบาท บริษัทจะลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการทำกำไรให้มากกว่าปี 2566 ที่ทำได้ 166 ล้านบาท

@ลดการลงทุนใหม่

รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยเน้นลงทุนในโครงการระยะสั้นที่สร้างกำไรได้รวดเร็ว โดยปีนี้วางงบลงทุนไว้ที่ 70-80 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของรายได้รวม จากปีที่แล้วที่ 116 ล้านบาท คิดเป็น 6.4% ของรายได้รวม ซึ่งสามารถลงทุนในสาขาใหม่ได้ 10 โครงการ รวมถึงใช้ในย้ายสาขา ปรับปรุง หลังหมดสัญญาในการย้ายพื้นที่

ในด้านธุรกิจต่างประเทศบริษัทตั้งเป้าหมายปรับสัดส่วนรายได้ต่างปประเทศซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างรายได้ในระยะยาว เพิ่มเป็น 15-16% จากปีก่อนที่ 8% โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของแบรนด์ “HARNN” ในประเทศจีน และจะเริ่มกลับมามีกำไรได้ในปีนี้  แต่ภาพรวมยังไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีกำไรเพราะยังมีผลกระทบจากการตั้งสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทจะหยุดการลงทุนใหม่บางส่วนในประเทศที่ยังไม่ทำกำไรหรือยังต้องปรับแผนการสร้างรายได้ และจะควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อลดผลขาดทุน คาดว่าจะเริ่มคืนทุนและกลับมามีกำไรได้ภายในปี 2569

@แนวโน้ม Q1ยังไปต่อได้

ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากธุรกิจการค้าปลีก (Retail) ปีนี้ค่อนข้างยากในการหาลูกค้า แต่ยังเห็นการเติบโตของยอดขายอยู่ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 3% แต่การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 5% ซึ่งการขายในเดือนมีนาคม 2568 มีพัฒนาการที่ดีขึ้น รวมถึงยอดขายจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ดีนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้กระทบกับบริษัทโดยตรง แต่จะสร้างความผันผวนในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้าสินค้า โดยได้วางแผนการแก้ไขปัญหาในการแปลงหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินไทย ให้อยู่ในระดับ 80% ปัจจุบันหนี้ที่เป็นสกุลเงินไทยอยู่ที่ 90% สกุลเงินต่างประเทศอยู่ที่ 10% ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้

@SG&Aอยู่ในระดับสูง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้คาดการณ์กำไรในไตรมาส 1/2568 ลดลง YoY โดยยังโดนกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ซึ่งทรงตัวสูงจากต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) การขยายสาขาและยังต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวขึ้น และลดลง QoQตามปัจจัยฤดูกาล

รวมถึงปรับกำไรสุทธิปี 2568-2569 ลดลงเหลือโตเฉลี่ย 18% ให้เป้าหมายราคา 5.1 บาท อย่างไรก็ดีระยะยาวมอง TAN เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเกาะไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมสินค้า Luxury และจะน่าสนใจอีกครั้งเมื่อ SSSG กลับมาเติบโตสูงหรือเริ่มเห็นประโยชน์จาก Operating leverage ของการขยายสาขา

ผลการดำเนินงาน ปี 2567 เทียบกับปี 2566 กลุ่มบริษัท มีรายได้จากการขายและบริการ 1,736.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 และมีผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท 130.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.0 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,414.6 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 166.8 ล้านบาท

สำหรับไตรมาสที่ 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 482.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 427.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 409.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ร้อยละ 17.7