รีเซต

ยกย่องป้าดี อสม.เมืองตรัง ปั๊มหัวใจช่วยชีวิตหนุ่มถูกไฟช็อต ร่างห้อยบนต้นขี้เหล็ก

ยกย่องป้าดี อสม.เมืองตรัง ปั๊มหัวใจช่วยชีวิตหนุ่มถูกไฟช็อต ร่างห้อยบนต้นขี้เหล็ก
มติชน
20 กันยายน 2563 ( 15:15 )
133
ยกย่องป้าดี อสม.เมืองตรัง ปั๊มหัวใจช่วยชีวิตหนุ่มถูกไฟช็อต ร่างห้อยบนต้นขี้เหล็ก

นาทีระทึก! ยกย่องฮีโร่! “ป้าดี” อสม.เมืองตรัง สวมวิญญาณนักรบเสื้อเทา กลับจากปลูกข้าวโพด โร่เข้าช่วยปั๊มหัวใจหนุ่มเคราะห์ร้ายถูกไฟช็อตร่างห้อยเคว้งบนต้นขี้เหล็กสูง 15 เมตร ก่อนกระแทกลงพื้นดิน ช่วยปั๊มหัวใจนานกว่า 20 นาที ยื้อจนรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงชื่นชมและกำลังใจอย่างล้นหลาม

 

โลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์คลิปเหตุการณ์นาทีระทึกของหนุ่มเคราะห์ร้ายรายหนึ่ง ทราบชื่อคือ นายพีรพงศ์ สิทธิชัย อายุ 27 ปี ที่อยู่ 165 หมู่ที่5 ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้ถูกไฟฟ้าซ็อตในขณะขึ้นต้นไม้เพื่อไปเก็บยอดต้นขี้เหล็ก ก่อนร่างจะห้อยอยู่บนต้นไม้ และร่วงลงมากระแทกกับพื้นดินอย่างรุนแรง ต่อมาได้มีชาวบ้านเข้าช่วยเหลือปั้มหัวใจ หรือซีพีอาร์ จนสามารถรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอาการปลอดภัยแล้ว นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ห้วยยอด เหตุเกิดบริเวณต้นขี้เหล็กขนาดความสูงกว่า 15 เมตร ที่อยู่ใกล้กับเสาไฟฟ้า เหตุเกิดริมถนนสายห้วยยอด-ปากแจ่ม หมู่ที่ 3 บ้านหนองหอย ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ท่ามกลางเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

 

หลังจากนั้นกลางดึกคืนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนจะทราบว่า บุคคลที่เข้าช่วยปั๊มหัวใจ ปรากฎภาพอยู่ในคลิปที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น จนทำให้หนุ่มรายนี้รอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด คือ นางนลินี หนูกูล หรือป้าดี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/3 หมู่ 3 ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง อาชีพชาวสวน ตัดเย็บเสื้อผ้า มีตำแหน่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.และอาสาสมัครเหล่ากาชาดประจำตำบล ก่อนที่จะได้เดินทางเข้าไปพบเพื่อพูดคุยยังที่ทำการนายวิเชียร หมื่นละม้าย หรือใหญ่กี้ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ปากแจ่ม โดยได้โชว์วุฒิบัตรที่ได้ไปอบรม จากกระทรวงสาธารณะสุขให้ผู้สื่อข่าวดูด้วยความภาคภูมิใจ

 

นางนลินี เล่าเหตุการณ์นาทีระทึกว่า ตนเองได้เดินทางกลับมาถึงบ้านได้เพียงแค่ 15 นาที หลังจากไปปลูกข้าวโพดภายในสวน โดยบ้านตนเองอยู่ติดกับบ้านผู้ใหญ่บ้าน สักครู่ได้มีชาวบ้านที่ไปตกปลา ขับรถ จยย.เข้ามาแจ้งผู้ใหญ่บ้านว่า พบเห็นมีคนโดนไฟซ๊อต ตนเองเมื่อได้ยินก็รีบขับรถออกไปที่เกิดเหตุโดยทันที ก่อนที่จะไปพบว่าร่างผู้เคราะห์ร้ายห้อยโตงเดงอยู่บนต้นขี้เหล็ก ที่สูงจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร ในลักษณะศีรษะห้อย จึงคิดหาวิธีการช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่ามีพลเมืองดีขับรถยนต์กระบะผ่านมา ก่อนจะแวะเลยได้ให้นำรถเข้ามาใต้ต้นดังกล่าวเพื่อที่จะให้ปีนขึ้นไปปลดร่าง แต่ปรากฏว่า ร่างของหนุ่มเคราะห์ร้ายกลับร่วงลงมากระแทกบนพื้นที่อยู่รุนแรงเสียก่อน โดยมีกิ่งไม้ติดแผ่นหลังลงมาด้วย

 

เมื่อร่างตกถึงพื้นตนเองจึงได้เข้าไปสอบถามอาการปรากฏว่ามีอาการอ่อนแรง หายใจรวยริน และชีพจรเต้นอ่อน และพูดว่าหายใจไม่ออกอยู่ตลอดเวลา มีอาการเจ็บปวดที่บริเวณขา แขน และฝ่ามือมีแผลไหม้ไหม้เป็นรอยดำ ตนจึงได้ช่วยปั้มหัวใจ หรือซีพีอาร์ และนวดหัวใจ อยู่เป็นระยะเวลากว่า 20 นาที จนอาการดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้มีชาวบ้านต่างก็ช่วยกันพัดวีลมให้กับผู้เคราะห์ร้าย ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามา และหน่วยกู้ชีพ รพ.ห้วยยอด เข้ามารับตัวส่งต่อโรงพยาบาลโดยทันที

 

ต่อมาได้ทราบว่าหนุ่มดังกล่าวได้เดินทางมาพร้อมกับลูกชายวัย 7 ขวบ เพื่อมาเก็บยอดขี้เหล็กนำไปขาย ก่อนจะเกิดเหตุมีฝนตกมาอย่างหนัก และขณะเกิดเหตุมีฝนตกปรอยๆ ซึ่งหนุ่มรายดังกล่าวได้ขึ้นไปเก็บยอดต้นขี้เหล็กที่สูงประมาณ 15 เมตร โดยมีลูกชายรออยู่ด้านล่าง ระหว่างที่ขึ้นไปได้แค่เพียง 4 เมตร คาดอาจถูกไฟฟ้าซ็อตอย่างรุนแรง โดยระหว่างการช่วยเหลืออยู่นั้นก็ได้เกิดภาพประทับใจคือลูกชายวัย 7 ขวบได้พูดปลอบใจกับผู้เป็นพ่อตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง

 

ป้าดี กล่าวว่า ตนเองเป็นจิตอาสา เป็น อสม.มาได้ประมาณ 4 ปี รวมทั้งเป็นอาสาสมัครเหล่ากาชาดประจำตำบล และที่ผ่านมาได้ผ่านการอบรมกู้ชีพ-กู้ภัยมาบ่อยครั้ง รวมทั้งการอบรมการช่วยเหลือชีวิต 70 ชม.มาด้วย จนคิดว่ามีความรู้แล้วจึงอยากช่วยเหลือชาวบ้าน ตอนที่รู้ข่าวจึงคิดอย่างเดียวคืออยากจะช่วยให้ คนเจ็บหายใจออก ตนจึงค่อยๆ ช่วยปั้มหัวใจ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างช่วยเหลือกัน จนกระทั่งอาการดีขึ้น ตื่นเต้นรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือจนรอดชีวิต แต่ด้วยความที่เป็นสัญชาตญาณ เมื่อเห็นคนกำลังบาดเจ็บก็รีบเข้าไปช่วยทันที ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

 

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุ ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และพลเมืองดีได้เชือกไปกั้นบริเวณรอบต้นขี้เหล็กดังกล่าว พร้อมนำป้ายเตือนไปติดไว้ เพื่อแจ้งเตือนไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปยังจุดเกิดเหตุโดยหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดขึ้น ก่อนที่หลังจากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและแก้ไขต่อไป