ส่องมุมมองลงทุนปลายปี 63 ลุ้นวัคซีนโควิดพัฒนาสำเร็จ

ทันหุ้น-สู้โควิด: เปิดมุมมอง บลจ. ต่อบรรยากาศลงทุนในช่วงปลายปี 2563 ระยะสั้นการเลือกตั้งสหรัฐจะส่งผลให้ตลาดทุนมีความผันผวน ขณะที่ลุ้นผลวัคซีนโควิดพัฒนาเสร็จตามคาด ส่วนปัจจัยในประเทศยังมีความเสี่ยงทางการเมือง ลุ้นดัชนีปลายปี วิ่งกรอบ 1,300-1,400 จุด

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยท่าส่งผลต่อการลงทุนในช่วงสั้นในส่วนของต่างประเทศมาจากการพัฒนาวัคซีนโควิด ซึ่งหากพัฒนาได้สำเร็จได้ตามคาดหมายก็จะทำให้ภาพเศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

“ตามคาดการณ์คิดว่าปลายปี หรืออาจคาบเกี่ยวไปต้นปีหน้า จะเห็นความชัดเจนของการพัฒนาวัคซีนเฟส 3 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายที่หากสำเร็จจะสามารถผลิตออกมาใช้กับคนได้ ดังนั้นคาดว่าใน 12 เดือนข้างหน้าจากนี้ไป ภายใต้วัคซีนพัฒนาสำเร็จก็จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั่วโลก”

ขณะที่ปัจจัยการเลือกตั้งสหรัฐ มองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น ซึ่งไม่ว่าผู้นำจะเป็นใคร ตลาดอาจจะมีความผันผวนในช่วงหนึ่งหลังจากรับรู้ข่าวแล้วตลาดก็จะมีการปรับตัวนิ่งขึ้น ซึ่ง นางสาวธิดาศิริ มองว่า หาก โจ ไบเดน ได้รับเลือกเข้ามาเป็นผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ นโยบายของ ไบเดนจะเป็นผลบวกต่อภูมิภาคเอเชียมากกว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ประเด็นเรื่องสงครามการค้า (Trade war) กับจีนน่าจะกลับมาอยู่ในความสนใจและเป็นประเด็นกังวลของนักลงทุนอีก ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจตอบรับในเชิงบวกก็ตาม

ในส่วนของปัจจัยในประเทศยังคงมีความเสี่ยงทางการเมือง อย่างไรก็ตามนางสาว ธิดาศิริ คาดว่าตลาดหุ้นน่าจะสามารถขึ้นไปแตะกรอบบนได้ในช่วง 1,300-1,400 จุด ภายในปลายปี ภายใต้ความคาดหวังเรื่องการประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนจากเฟส 3 ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หรืออาจคาบเกี่ยวไปต้นปีหน้า

นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรร จำกัด หรือ บลจ.วรรณ ให้มุมมองภาพรวมการลงทุนว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอยจากการระบาดครั้งใหญ่ ขณะที่การฟื้นตัวยังมีความไม่แน่นอน โดยให้น้ำหนักปัจจัยที่ตลาดกำลังติดตามคือเรื่องการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหลายรายอยู่ในเฟส 3 ที่คาดว่าจะรู้ผลทดลองในช่วงปลายเดือน ต.ค. นี้ และการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐอเมริกาในต้นพฤศจิกายนก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความผันผวนของตลาดทุนในช่วงสั้น และมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ และการเงินของโลก

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศก็มีความเสี่ยง และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ แม้ปีนี้คาดการณ์จีดีพีติดลบ 7-8 % แต่มองว่าปี 2564 จะขยายตัวได้ดีจากฐานการเติบโตที่ต่ำในปี 2563 และประเมินตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยมองเป้าหมาย 1,380 จุด และตั้งเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2564 ที่ระดับ 1,440 จุดภายใต้สมมุติฐานกำลังการผลิตทั่วโลกและกิจกรรมการการค้าเริ่มฟื้นตัว