Neuralink ระดมทุนสำเร็จ 21,900 ล้านบาท หลังชิปสมองได้รับการรับรองใช้กับมนุษย์

นิวรัลลิงก์ (Neuralink) บริษัทเทคโนโลยีสมองที่ก่อตั้งโดยอีลอน มัสก์ ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนรอบล่าสุด มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่ารวมของบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 9,000 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Semafor นับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปลายปี 2023
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ Neuralink โดยบริษัทได้ฝังชิปสมองจำนวน 3 ชิ้นในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตหรือไม่สามารถสื่อสารได้ หนึ่งในนั้นคือชายจากรัฐแอริโซนา ผู้ป่วยโรค ALS ที่ไม่สามารถพูดได้ ซึ่งได้แชร์วิดีโอผ่านแพลตฟอร์ม X แสดงให้เห็นถึงการสื่อสารผ่านชิปดังกล่าว
เทคโนโลยี Breakthrough Device
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท นิวรัลลิงก์ (Neuralink) ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ให้เป็นอุปกรณ์ล้ำยุค (Breakthrough Device) สำหรับการช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องทางการพูดอย่างรุนแรง โดยการรับรองนี้ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาและนำไปใช้จริงทางคลินิก
สำหรับ “Breakthrough Device” คือ ชิปฝังสมองที่สามารถอ่านสัญญาณจากสมองและแปลงเป็นคำสั่งดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้ที่สูญเสียความสามารถในการพูดหรือเคลื่อนไหวสามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ตัวชิปจะฝังอิเล็กโทรดไว้ในสมองเพื่อตรวจจับสัญญาณประสาท จากนั้นถอดรหัสความตั้งใจของผู้ใช้และส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารแบบไร้สาย
เทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตหรือมีความบกพร่องทางการสื่อสารอย่างรุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรค ALS โดยการได้รับสถานะ Breakthrough Device จะช่วยให้ Neuralink สามารถทำงานร่วมกับ FDA อย่างใกล้ชิดและนำเทคโนโลยีออกใช้จริงทางการแพทย์ได้เร็วขึ้นกว่ากระบวนการปกติ
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของบริษัท จาเร็ด เบิร์ชอลล์ และทีมบริหารของ Neuralink ยังไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระดมทุนครั้งล่าสุด ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานก่อนหน้านี้ว่า Neuralink มีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 18,000 ล้านบาท และทำให้การประเมินมูลค่าบริษัทจะไปอยู่ที่ 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 306,000 ล้านบาท
การเติบโตครั้งนี้สะท้อนถึงความสนใจและศักยภาพของเทคโนโลยีประสานสมอง-คอมพิวเตอร์ ที่อาจปฏิวัติการรักษาและการสื่อสารสำหรับผู้ป่วยทั่วโลกในอนาคตอันใกล้