‘ไบเดน-ปูติน’ถกหย่าศึกยูเครนเหลวซ้ำ นานาชาติสั่งพลเมืองอพยพหนีด่วน
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าความพยายามถอดชนวนสถานการณ์วิกฤตในประเทศยูเครนด้วยหนทางการทูต ระหว่างทางการสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรกับทางการรัสเซียประสบความล้มเหลวอีกครั้ง ส่งผลให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตือนรัสเซียอีกครั้งว่าการรุกรานยูเครนจะต้องเผชิญกับราคาที่รัสเซียต้องชดใช้อย่างเด็ดขาดรุนแรง
ความล้มเหลวล่าสุดเกิดขึ้นหลังการโทรศัพท์เจรจากันระหว่าง "ประธานาธิบดีไบเดน" กับ "ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน" ผู้นำรัสเซีย โดยนายยูรี ยูชาคอฟ ที่ปรึกษานโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีปูติน ระบุถึงความล้มเหลวที่เกิดขึ้นว่า เป็นการหารือที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความหลอนขั้นสูงสุดของฝ่ายตะวันตก
เช่นเดียวกันกับประธานาธิบดีปูตินซึ่งตอบโต้ข้อครหาของชาติตะวันตกว่ารัสเซียจะบุกยูเครน ว่าเป็นข้อครหาที่ยั่วยุและอาจนำไปสู่สงครามใหญ่กับรัสเซียได้ หลังเพิ่งหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งลงเอยอย่างไม่มีข้อตกลงใด ๆ
ความตึงเครียดดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเคลื่อนกำลังของทหารรัสเซียกว่า 1 แสนนาย พร้อมยุทโธปกรณ์เพรียบพร้อมเข้าประชิดชายแดนยูเครนทั้งทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ รวมถึงปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับเบรารุส ชาติที่มีพรมแดนติดกับทางเหนือใกล้กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน แต่รัสเซียยืนกรานปฏิเสธต่อเนื่องว่าไม่มีแผนจะรุกรานยูเครน ส่งผลให้สหรัฐฯ และองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ระดมพลเตรียมพร้อมการสู้รบ นำไปสู่ความสัมพันธ์ร้าวฉานครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียนับแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยด้วยว่า เปิดปฏิบัติการขับไล่เรือดำน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่แล่นรุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำของรัสเซียใกล้หมู่เกาะคูริล ทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก แต่กองบัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ปฏิเสธว่าไม่ใชน่านน้ำของรัสเซีย
ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้สหรัฐฯ และอีกหลายชาติถอนเจ้าหน้าที่การทูตและอพยพพลเมืองออกจากยูเครนด้วย อาทิ อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา ออสเตรเลีย อิตาลี อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น หลังทางการสหรัฐฯ กังวลว่ารัสเซียอยู่ในจุดที่สามารถเริ่มปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนได้ทุกเวลา