3 ขั้นตอนการแก้คำปฏิเสธของลูกค้าเครดิตภาพปก : https://www.pexels.com/photo/woman-in-black-t-shirt-sitting-on-chair-3736308/ในการขายนั้น เป็นที่ทราบกันอย่างแน่นอนว่าจะต้องเจอคำปฏิเสธอยู่เสมอ จากสถิติพบว่าโดยทั่วไปในการเสนอขาย 10 ครั้ง จะขายได้ 1 ครั้ง หรือเป็นอัตราส่วน 10:1 แต่ถ้าคุณฝึกฝน พัฒนาทักษะของตัวเอง ก็จะสามารถเพิ่มเป็นอัตราส่วน 5:1 3:1 หรือ 2:1 เลยก็เป็นได้ปัจจัยที่จะทำให้เกิดยอดขายมีด้วยกันสามข้อ ได้แก่ ทัศนคติ ความขยัน และทักษะ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ยอดขาย…เกิดจากอะไร คลิกเลย ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/photo/advice-advise-advisor-business-7075/และในบทความนี้เราจะมาเพิ่มในส่วนของ “ทักษะ” กัน มาเรียนรู้วิธีการแก้คำปฏิเสธของลูกค้า เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการขายให้ได้สูงสุดถึงอัตราส่วน 2:1 ไปดูกันดีกว่าว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างเมื่อลูกค้าปฏิเสธที่จะซื้อสินค้าของเรา หลังที่เรานำเสนอไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น ขอคิดดูก่อน ขอปรึกษาแฟนก่อน ยังไม่มีเงิน ฯลฯ สิ่งที่เราจะต้องทำมีดังนี้1. เห็นด้วยกับลูกค้าการจะได้ใจใครสักคน เราจะต้องเข้าใจคนคนนั้นก่อน เราจึงจะต้อง “เห็นด้วย” กับลูกค้าในทุกข้อปฏิเสธ เช่น ขอปรึกษาแฟนก่อน … “ใช่แล้วครับ ถูกต้องครับ ใช้ชีวิตร่วมกัน เก็บเงินมาด้วยกันจะทำอะไรต้องปรึกษากันก่อน” ไม่มีเงิน … “เข้าใจครับ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี น่าเห็นใจหลายคนเหมือนกันครับ…” ขอคิดดูก่อ “ถูกต้องแล้วครับพี่ เรื่องสำคัญต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ…”ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/photo/man-and-woman-near-table-3184465/ถ้าเราเถียงลูกค้า เราจะอยู่คนละฝั่งกับลูกค้า แต่ถ้าเราเห็นด้วยกับลูกค้า เราจะอยู่ฝั่งเดียวกันกับเขา คนที่อยู่ฝั่งเดียวกัน ย่อมพาเดินไปอีกฝั่งง่ายกว่า การพยามดึงคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาหา2. แก้คำปฏิเสธของลูกค้าแม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์มากมายบนโลก แต่คำปฏิเสธของลูกค้าที่คลาสสิคมาก ๆ ก็มีอยู่ไม่กี่ข้อ (อาจจะมีนอกเหนือบ้าง แล้วแต่ธุรกิจ) ได้แก่ ขอคิดดูก่อน มันแพง ไม่สะดวกจ่ายแบบต่อเนื่อง หรือขอปรึกษาที่บ้านก่อน เป็นต้นวิธีการคือให้ List คำปฏิเสธที่เจอบ่อยที่สุดในธุรกิจของคุณ จากนั้นจึงหาวิธีขจัดข้อโต้แย้งของลูกค้า จริง ๆ แล้วมีหลากหลายวิธีอาจจะไม่สามารถบอกหมดได้ในบทความนี้ เช่น เมื่อลูกค้าบอกว่าขอคิดดูก่อน ให้เราถามกลับไปว่าลูกค้าติดอะไร ตรงไหน หรือต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง แล้วถ้าลูกค้าบอกว่าจะกลับไปอ่านรายละเอียด ขอใบปลิวหน่อย ก็ให้เราตอบไปในเชิงที่ว่าผู้ที่พร้อมจะให้ข้อมูลทุกอย่างอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการอ่านใบปลิว เป็นต้นขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/photo/businesswomen-businesswoman-interview-meeting-70292/หรือหากลูกค้าบอกว่าสินค้าของเรามันแพง ซึ่งจะบอกความจริงอย่างหนึ่งคือ คำว่า “แพง” คำว่า “ถูก” ไม่มีอยู่จริง หากปราศจากตัวเปรียบเทียบ ราคาตลาด ให้เราถามลูกค้าไปในเชิงที่ว่า “ที่บอกว่าแพง เทียบกับอะไรคะ” เมื่อเราถามเช่นนี้เราจะสามารถค้นข้อมูลใจใจลูกค้าได้ว่าลูกค้าไปเจอราคาอะไรมา เช่น ลูกค้าไปเจออีกแบรนด์ แต่แบรนด์นั้นคุณภาพด้อยกว่าของเรา เราก็สามารถอธิบายในส่วนนี้ได้ว่าเพราะเหตุได้แบรนด์ของเราจึงแพงกว่าในขั้นการแก้คำปฏิเสธของลูกค้า เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ขายหน้างาน และการฝึกอบรมอยู่เป็นประจำ หากทำสองสิ่งนี้ควบคู่กัน จะทำให้ผู้ขายได้มีประสบการณ์มากขึ้น รู้จักวิธีรับมือมากขึ้น3. (อย่าลืม) ปิดการขายในส่วนตรงนี้ก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน หากไม่ปิดการขายเลย การแก้คำปฏิเสธก็จะกลายเป็นเพียงแค่การอธิบายให้รับทราบเท่านั้น แล้วยังไงต่อ? ลูกค้าก็ “โอเคครับ ขอบคุณมากครับ” และไม่ได้ซื้อสินค้าของเราในที่สุด คำพูดที่มักจะใช้ในการปิดการขาย เช่น “รับเป็นแพ็คเกจพรีเมี่ยมเลยนะครับ” “สะดวกชำระเงินสดหรือบัตรเครดิตดีครับ” หรือ “ห่อของขวัญเป็นสีอะไรดีครับ” เป็นต้น อย่าลืม…ปิดการขายทุกครั้ง สำคัญมากค่ะขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/photo/man-pointing-laptop-computer-2182981/และนี่ก็คือขั้นตอนในการแก้คำปฏิเสธลูกค้า ในบทความหน้าจะมาขยายความข้อ 2 มากขึ้นว่าคำปฏิเสธที่เรามักจะพบเจอมีอะไรบ้าง แล้วเราจะสามารถแก้คำปฏิเสธเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง รอติดตามกันนะคะโอ้Facebook : fb.me/justlearntogetherFan Page : fb.me/ohkansiriYouTube : https://bit.ly/2PpkbZuWebsite : http://justlearntogether.com/IG : ohkansiri