การรู้จักคิดเป็น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งเรื่องของการทำงานและชีวิตส่วนตัว การคิดที่ถูกต้องส่วนหนึ่งมาจากจิตใจที่รู้จักมองโลกในแง่บวก ซึ่งนำพาไปสู่หนทางการแก้ปัญหาที่ง่ายดายและเหมาะสมยิ่งกว่า หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา ผู้มีประสบการณ์ความรู้ด้านจิตวิทยาประยุกต์โดยสามารถผนวกทั้งวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับความคิดเป็นอย่างยิ่ง จึงถือได้ว่าผู้เขียนมีภูมิรู้ มีความเหมาะสมที่จะถ่ายทอดวิธีคิดเป็นอย่างยิ่ง ความรู้ความประทับใจที่ได้ศึกษาจากครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าการคิดแบบจินตนาการแบบสวมบทบาท เป็นการฝังความเชื่อลงในจิตใต้สำนึกว่าขณะนั้นเรากำลังเป็นคนเก่งเหมือนอย่างคนๆนั้นจริงๆ บุคลิกภาพหลังจากนั้นจะดำเนินเช่นเดียวกับภาพในใจ อัจฉริยบุคคลทุกสาขาทุกอาชีพต่างล่วงรู้ความลับนี้ แต่การกระทำแบบนี้มักเกิดขึ้นเองโดยไม่เคยมีใครมาสอน ทำให้ไม่สามารถอธิบายการค้นพบนี้ให้คนอื่นรับรู้ได้ ได้เรียนรู้ว่าการรู้จักจินตนาการย้อนหลังถึงประสบการณ์เก่าๆจะช่วยให้เกิดภาพในใจชัดเจนขึ้น เหมือนอย่างนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จหลังพักซ้อมก็มักจินตนาการช่วงฝึกซ้อมหรือขณะแข่งขันซ้ำๆ อาชีพอื่นๆก็ทำได้เช่นกัน คนที่ชอบหรือสนใจหรือถนัดเรื่องใดๆจะมีจินตนาการถึงเรื่องนั้นบ่อยๆโดยอัตโนมัติ ได้เรียนรู้ว่าประสบการณ์จากชีวิตจริงจะประทับลงในจิตใต้สำนึกได้ต้องมีจินตนาการ เราอาจเคยเล่นแบตมินตัน แต่ก็ไม่เคยจินตนาการวิธีเล่น คือเล่นผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป การเล่นครั้งถัดไปฝีมือจะไม่เก่งขึ้น เพราะจิตใต้สำนึกเข้าใจภาพแห่งจินตนาการเท่านั้น ส่วนจิตสำนึกจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ได้เรียนรู้ว่าสัมปชัญญะทำให้จินตนาการภาพปัจจุบันขณะได้ เช่น แพทย์ที่ศึกษาอวัยวะและเส้นเลือดต่างๆในร่างกายจนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง หากนึกถึงอวัยวะภายในก็จะมองเห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงติดต่อกันทำงานอย่างเป็นระบบ คือเห็นหมดพร้อมกันในขณะเดียว แพทย์ที่ใช้การเห็นการคิดแบบนี้จะเหนือกว่าแพทย์ที่มองระบบแยกย่อย ทุกอาชีพก็ใช้หลักการนี้ได้ เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นเหตุและปัจจัย ความสัมพันธ์ต่างๆในงานของตนเหนือกว่าปกติ สติคือการรู้ล่วงหน้า อย่างการรู้ว่าถ้าดื่มสุราต้องลงเอยด้วยความเมา ส่วนสัมปชัญญะคือการรู้ตัวทั่วพร้อมในปัจจุบัน ได้เรียนรู้ว่าความเคยชินทั้งหลาย คือสมาธิ เช่น การขับรถเส้นทางเดิมเป็นประจำทุกวัน กำลังสมาธิจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเส้นทางขับ เมื่อนั้นกำลังสติจะเหนือกว่าสมาธิ ดังนั้น การฝึกสติอีกวิธีคือการหลีกเลี่ยงความจำเจ เผชิญหน้ากับความแปลกใหม่ เช่น อ่านหนังสือในที่ใหม่ ทานอาหารในเมนูที่ไม่เคยสั่ง เดินทางไปที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เป็นต้น ได้เรียนรู้กฎข้อหนึ่งของทฤษฎีไร้ระเบียบ คือ เหตุการณ์เล็กๆในปัจจุบันอาจส่งผลกับเหตุการณ์ใหญ่ในอนาคตได้ มีการเปรียบเปรยกันว่าผีเสื้อกระพือปีกที่ฮ่องกง เมื่อจังหวะเหมาะสม มันสามารถส่งผลให้เกิดพายุขึ้นที่นิวยอร์กได้ใน 1 เดือนถัดมา ฉะนั้น ต้องมองภาพกว้าง เข้าใจภาพรวม เพราะผลที่เกิดขึ้นจะต้องมาจากต้นเหตุหลายๆอย่าง การมองแคบทำให้ไม่เห็นต้นเหตุทั้งหมดส่งผลให้การคาดหมายในอนาคตผิดพลาดไป ได้เรียนรู้ว่าการตั้งเป้าหมายความสำเร็จที่อยู่ไกลอีก2 ปี หรือ5 ปีข้างหน้า ต้องตระหนักไว้เสมอว่าเมื่อเวลาผ่านไป ภาพแห่งความสำเร็จนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเหตุปัจจัยในอนาคตไม่เหมือนเดิม และการตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินไปทำให้ท้อแท้ได้ ดังนั้นอย่าให้ความโลภนำพาให้ตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินจริง ทั้งนี้เรียนรู้ปัญหานั้นให้มากที่สุด ถ้ายังแก้ปัญหานั้นไม่ได้อย่าเพิ่งเป้าหมายใหม่ที่สูงขึ้น ได้เรียนรู้ว่าการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นการคิดครอบคลุมทั้งสองแบบ คือคิดจากเหตุไปหาผล และการคิดจากผลไปหาเหตุ แม้แต่อริยสัจ 4 ก็คิดจากผลไปหาเหตุ ตั้งแต่ทุกข์ (ผลของทุกข์) สมุทัย (เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์) แล้วค่อยคิดจากเหตุไปหาผลอีกทีในขั้นของสมุทัย (เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์) ไปยังนิโรธ (ความดับแห่งทุกข์) แล้วนำผลของนิโรธคิดไปหาเหตุอีกรอบซึ่งก็คือ มรรค (เหตุที่ทำให้ทุกข์ดับ) ได้เรียนรู้ว่าการคิดจากเหตุไปหาผล มีวิธีคือ....คิดแบบความสัมพันธ์ต่อเนื่อง คือเข้าใจองค์ประกอบของเหตุทั้งหมด ส่งผลให้เกิดในลักษณะที่ต่อเนื่องเป็นทอดๆ แต่ต้องระวังว่าการคิดเอาเองว่าเป็นความสัมพันธ์โดยมองไม่เห็นปัจจัยที่ละเอียดมากพอ ทั้งหมดนี้ก็คือบางส่วนของเนื้อหาเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ถ้าได้อ่านทั้งเล่มแล้วจะเข้าใจถึงแก่นของความคิดว่ามันยังมีรายละเอียดอื่นๆอีก นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบและ Quiz เพื่อวัดความคิดของเราว่าเราคิดแบบไหน ซึ่งไม่มีถูกไม่มีผิด แต่เป็นการทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าเรามีความคิดแบบไหน ครีเอเตอร์ก็ได้เข้าใจแล้วว่าตนมีความคิดในแง่ร้ายมากกว่าที่จะคิดในแง่ดี ส่วนหนึ่งเพราะประสบการณ์ที่พบเจอทำให้หล่อหลอมออกมาเป็นแบบนั้น แต่ก็ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดให้มันออกมาดีกว่านี้ จะได้แก้ไขปัญหาและอุปสรรคอย่างถูกต้องตรงจุด ครั้งนี้ใครจะมาต่อว่าเป็นคนไม่รู้จักคิดไม่ได้อีกแล้ว เครดิตภาพภาพปก โดย kjpargeter จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย evening_tao จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ “เดอะท็อปซีเคร็ต”รีวิวหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็นรีวิวหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น 2รีวิวหนังสือ ทวาร 6 ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเองรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !