ไบเดนจวกผู้ว่าการรัฐท้องถิ่น 'หัวคิดล้าหลัง' ปมยกเลิกกฎสวมหน้ากาก
วอชิงตัน, 4 มี.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (3 มี.ค.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสและรัฐมิสซิสซิปปีทางตอนใต้ของประเทศ หลังทั้งสองที่มาจากพรรครีพับลิกันตัดสินใจยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยและนโยบายความปลอดภัยเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจาก "แนวคิดล้าหลัง"
"ผมคิดว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าการสวมหน้ากากอนามัยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ขณะเราอยู่ในจุดที่สามารถยับยั้งโรคระบาดขั้นพื้นฐานด้วยการฉีดวัคซีนให้ประชาชน สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือแนวคิดล้าหลังที่ว่าตอนนี้สถานการณ์ปกติแล้ว ถอดหน้ากากได้เลย ไม่ใช่เลย หน้ากากยังสำคัญอยู่" ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
แม้เมื่อต้นสัปดาห์ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ออกมาเตือนความเสี่ยงโรคโควิด-19 แพร่ระบาดระลอก 4 แต่เทต รีฟส์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี กลับประกาศยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ของรัฐทั้งหมดตั้งแต่วันพุธ (3 มี.ค.) เป็นต้นมา
"ตั้งแต่พรุ่งนี้ (3 มี.ค.) เป็นต้นไป เราจะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากในทุกเทศมณฑล และกิจการจะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติโดยปราศจากกฎควบคุม ยอดผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงมาก และเราฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันถึงเวลาแล้ว!" รีฟส์โพสต์บนทวิตเตอร์
ด้านเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ประกาศยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ของรัฐทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่ายอดผู้ป่วยลดลงและมีการฉีดวัคซีนในปริมาณมากแล้ว