การปลูกพืชผักสวนครัวในฤดูฝนนั้น ถือว่าสามารถทำได้ง่ายกว่าฤดูอื่นๆ เพราะจะไม่พบปัญหาการขาดแคลนน้ำทางการเกษตร แถมยังปลูกง่ายและโตไวอีกด้วย แต่จะมีผักชนิดไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย 1.ถั่วฝักยาวถั่วฝักยาวถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยที่สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นผักที่มีรสหวานกรอบ ใช้รับประทานได้ทั้งแบบสด และการลวกจิ้มกินกับน้ำพริก แถมยังเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีอีกด้วยโดยส่วนตัวแล้วมักจะปลูกถั่วฝักยาวในช่วงเดือนกันยายนเพราะเป็นคาบเกี่ยวของฤดูร้อนกับฝนพอดี เพราะระยะเวลาต้นอ่อนออกและกำลังเจริญเติบโตก็จะมีน้ำฝนมาช่วยทำให้เราไม่ต้องรดน้ำ แถมยังทำให้เราประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำออกไปอีกด้วยขั้นตอนการปลูก(ปลูกลงดิน)1.การเตรียมหน้าดินให้ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก พรวนหน้าดินให้ลึกลงไปด้านล่าง ประมาณ 20-25 เซนติเมตร เพื่อทำให้มีแหล่งของสารอาหารในดิน และช่วยเพิ่มความร่วนซุยในดิน 2.ขุดหลุมลึกลงไปประมาณ 1-3 เซนติเมตร โรยเมล็ดลงไป1-4 เม็ด รถน้ำให้ชุ่ม 3.เมื่อมีต้นอ่อนงอกขึ้นมาพ้นดิน ยาวและแตกไป มีความสูงประมาณ 10 -15 เซนติเมตร ให้หาไม้ไผ่ ตาข่าย ท่อ มาเป็นที่คำจุนเมื่อต้นถั่วฝักยาวโตขึ้น ใน (ใน1 หลุมควรมีต้นถั่วฝักยาว เพียง 2 ต้น) ระยะเวลาการปลูก50-70 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่เคล็ดลับ การไม่ให้เถ้าพันเกี่ยวเลื้อยกัน ให้นำเชือกมาผูกเป็นราวไว้ด้านบน เพราะจะได้เลื้อยลงไปด้านข้างแทน เพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น แถมยังทำให้ดูปลอดโปร่ง สบายตา ข้อควรระวัง 1.ในการเก็บเกี่ยวถั่วฝักยาว ให้ทำการปลิดที่ขั้วของฝัก แต่ควรระวังในส่วนของขั้วฝักด้วยเพราะมักจะมีดอกใหม่งอกออกมาจากขั้วอยู่เสมอ ถ้าหากดอกใหม่หลุด ก็จะทำให้ไม่เกิดฝักใหม่ 2.ควรยกดินให้สูง ป้องกันปัญหาน้ำท่วมขัง 2.ผักบุ้ง ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่เหมาะจะปลูกในช่วงปลายฤดูฝนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นผักที่ชอบน้ำ โตเร็ว ถ้าใครที่ปลูกลงดินให้สังเกตดูหน้าดินด้วยถ้าหน้าดินเริ่มแห้ง เราควรรดน้ำเพราะว่าผักบุ้งเป็นผักที่ชอบน้ำ ส่วนตัวแล้วผักบุ้งค่อนข้างโตเร็ว เก็บกินได้หลายรอบ ขั้นตอนการปลูก(ปลูกลงดิน)1.หว่านเมล็ดในตอนเย็น โดยหว่านเมล็ดผักบุ้งจีนลงไปแปลงดินตรงๆเลย ไม่ต้องขุดหลุมหรือเตรียมหลุมเลย 2.กลบด้วยดินบางๆ มีความหนาไม่เกิน1ข้อนิ้วของคนเรา จากนั้นก็อาจจะทำการคลุมดินด้วยฟางแห้ง ปกคลุมไว้ไม่ต้องหนามาก แล้วทำการรดน้ำให้ชุ่ม ระยะเวลาการปลูก 25-30วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เพราะเป็นผักที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี เคล็ดลับผักบุ้งสามารถกินใบต่อได้ เพียงแค่เราตัดให้เหลือก้านไว้สองข้อ โดยสังเกตจากตาที่ติดอยู่ตรงก้านของใบประมาณ 2 ตาจากพื้นดิน เพราะเขาจะแตกกิ่งใหม่ ให้เราได้เก็บกินอีก 2-3 ครั้ง ข้อควรระวัง 1.ผักบุ้งเป็นผักที่ชอบน้ำมาก ไม่ควรปลูกใกล้กันเกินไป ควรมีระยะห่างประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพราะรากจะแย่งน้ำกัน อาจจะทำให้การเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ 2.ผักบุ้งชอบน้ำก็จริงแต่ไม่ได้ชอบน้ำขัง เพราะโรคจะมาจากรากได้ ถ้าหากมีน้ำขัง ควรทำให้ดินระบายน้ำได้ดี 3.ไม่ชอบแดดจัด อาจจะมีการทำตาข่ายบังแดดและบังฝนกางไว้เหนือแปลงหรือกระถาง 3.พริกขี้หนูการปลูกพริกจะปลูกจากการเพาะเมล็ดหรือต้นกล้าก็ได้ การเพาะเมล็ดจะใช้เวลามากกว่า แต่ประหยัดกว่า ส่วนการใช้ต้นกล้าข้อดีก็คือ จะโตเร็ว ได้กินผลผลิตเร็ว ยิ่งในช่วงฤดูฝนยิ่งทำให้ต้นพริกอุดมสมบูรณ์ จากประสบการณ์ที่ปลูกมาจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าในช่วงหน้าร้อนต้นพริกจะลูกเล็ก ใบเหี่ยวแห้งเร็ว แต่พอเข้าหน้าฝนต้นพริกกลับเขียวชะอุ่ม ใบใหญ่ ลูกดก ขั้นตอนการปลูก(ปลูกจากต้นกล้า)1.เตรียมดินปลูกผสมปุ๋ยคอกไว้ในกระถาง เว้นระยะขอบวันเล็กน้อย ทำหลุม โดยกะระยะจากความสูงของราก นำต้นพริกลงไปปลูกและกลบด้วยดินปลูกหรือปุ๋ยคอก 2.หลังปลูกเสร็จแล้วให้รดน้ำเลย พอรดเสร็จแล้วอาจจะนำใบไม้หรือฟางมาปกคลุมดินไว้ ให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา (ควรสังเกตสิ่งที่จะเอามาปกคลุมดินก่อนเสมอ เพราะอาจจะมีเชื้อราหรือพวกแมลงติดมาด้วย) (ปลูกจากเมล็ด)1.เตรียมกระถางสำหรับปลูก โดยผสมดินปลูกและปุ๋ยคอกไว้ ใส่ดินให้เต็ม เว้นขอบไว้เล็กน้อย ไม่ต้องกดดินจนแน่น เพราะการเจริญเติบโตของรากจะเกิดช้า2.โรยเมล็ดลงไป 3-5 แล้วแต่ขนาดกระถางและความต้องการของผู้ปลูกว่าต้องการกี่ต้น ถ้าต้องการ1ต้นในหนึ่งกระถางก็ใส่ไป 3-5เมล็ดก็พอ3.นำดินปลูกที่ผสมกับปุ๋ยคอกแล้ว มาโรยลงไปที่เมล็ดเล็กน้อย ต้องให้ปกปิดเมล็ดไปประมาณ1เซนติเมตร แล้วค่อยรถน้ำตาม4.นำกระถางไว้ในที่มีแสงแดดรำไร ไม่มีแดดจัดเกินไป รถน้ำสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง รอประมาณ 5-7 วันต้นกล้าก็จะงอกออกมา และจะมีผลผลิตให้กินได้ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน วิธีดูแล(การดูแลขึ้นอยู่กับชนิดของผักและสภาพแวดล้อม) 1.เมื่อพริกโตพอที่จะมีดอกแล้ว ให้ทำการรดน้ำวันเว้นวันได้เลย หลังจากต้นพริกออกผลผลิตแล้ว ให้ทำการบำรุงดินโดยใส่ปุ๋ยคอกอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยโรยไปบริเวณโคนต้น อย่าให้โดนลำต้นโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้รากเน่าได้2.ต้องหมั่นกำจัดวัชพืชที่จะขึ้นมาแย่งสารอาหารในดินของต้นพริก3.ต้นพริกไม่ชอบน้ำขังและแฉะ พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้น้ำขัง ต้องเอาไว้ในบริเวณที่ไม่มีน้ำขัง ระยะเวลาการปลูก 25-60วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เคล็ดลับเมื่อต้นพริกโตประมาณ 20 เซนติเมตรแล้ว จะเกิดใบให้ทำการเด็ดใบที่ใกล้ๆยอดออก โดยเด็ดสลับหว่างใบ ไม่เด็ดทั้งหมด จะทำให้พริกโตเป็นมีลูกตกและโตเป็นพุ่ม ไม่ยืด 4.ผักชีฝรั่ง ผักชีถือว่าเป็นผักที่โตง่าย สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจำทำน้ำจิ้ม ยำ เพราะกลิ่นหอมของใบผักชีฝรั่งจะช่วยเสริมความอยากอาหารได้มากขึ้นด้วย แถมยังมีคุณประโยชน์เป็นอย่างมากอีกด้วยสาวกยำอย่างเราจะขาดผักชีฝรั่งไม่ได้เลย เพราะตัวผักชีฝรั่งสามารถใช้ได้ทั้งใบและราก ถ้ายิ่งได้ปลูกในหน้าฝนแล้ว ยิ่งใบใหญ่ กลิ่นหอม ขั้นตอนการปลูก(ปลูกจากต้นอ่อน) 1.นำต้นอ่อนลงปลูกยังดินที่ผสมไว้แล้ว ซึ่งจะประกอบไปด้วย ปุ๋ยคอก แกรบ ผสมให้เข้ากัน กลบดินบางๆแล้วรดน้ำใช้ชุ่ม รดน้ำ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ 2.พอเริ่มมีใบแตกใหม่ ก็ให้เลือกว่าจะปลูกลงดินหรือปลูกในภาชนะอื่นๆต่อ ถ้าแยกใส่กระถางให้ปลูกกระถางละ1-2 ต้น เพราะผักชีฝรั่งค่อนข้างต้องการพื้นที่เป็นวงกว้างให้ใบของเขาได้แผ่และขยายออกไป3.ผักชีฝรั่งค่อนข้างโตเร็วประมาณ 1-2 เดือนก็สามารถเก็บไปทำอาหารได้แล้ว วิธีดูแล(การดูแลขึ้นอยู่กับชนิดของผักและสภาพแวดล้อม) 1.กรณีปลูกลงดินสามารถปลูกในที่แสงแดดสามารถส่องถึงอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมง2.กรณีปลูกในกระถางให้วางไว้ในที่มีแสงแดดรำไร ไม่มีแดดจัดจนเกินไป และไม่ควรเอาไว้ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่ เพราะจะทำให้รากเน่าและเกิดโรคได้3.พอผักชีฝรั่งเริ่มโต ให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรรดน้ำน้อยหรือมากเกินไป อยู่ที่ความพอดี ผักจะเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น ระยะเวลาการปลูก 25-60วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เคล็ดลับ เมื่อต้นผักชีฝรั่งเริ่มมีก้านดอกตรงกลางงอกออกมา ให้ทำการตัดทิ้ง จะทำให้เราได้กินใบต่อไปอีกนาน เพราะเมื่อมีการงอกของดอกนี้ขึ้นมานั้น แสดงต้นผักชีฝรั่งมีความสมบูรณ์และพร้อมจะขยายพันธุ์เป็นเมล็ดแล้ว ถ้าหากไม่ตัดเราก็รอเอาเมล็ดจากดอก และนำไปปลูกครั้งต่อไป แต่ต้นและใบจะค่อยๆตายลงไป 5.กะเพรากะเพราเป็นวัตถุดิบหนึ่งที่นำมาประกอบอาหารของไทยมาตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ในยุคของพระนารายณ์ และยังเป็นผักที่มีคุณประโยชน์มากมาย มักพบเห็นกันได้ทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้ เพราะกะเพรานั้นปลูกง่าย เก็บกินได้ตลอดทั้งปี สำหรับบ้านไหนที่ทำเมนูกระเพราบ่อยๆจะรู้เลยว่าการปลูกกะเพราะไว้ในบ้านถือว่าเป็นคลังอาหารดีๆนี้เอง เพราะถ้าเราให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ บำรุงด้วยปุ๋ยคอกเป็นประจำก็จะทำให้กะเพราอยู่กับเราได้นานนับปีขั้นตอนการปลูก1.สามารถเพาะเมล็ด และชำกิ่ง ในที่นี้จะปลูกแบบชำกิ่ง โดยให้เลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปและจะต้องเป็นกิ่งที่ยังไม่เคยออกดอก ตัดกิ่งที่ยาวประมาณ 3-5 นิ้ว นำมาชำในกระถาง 2.ดินที่ใช้ปลูกจะประกอบไปด้วยดินปลูก ปุ๋ยคอก แกรบ โดยชำไว้ในกระถางประมาณ 1-2 อาทิตย์ รดน้ำเป็นประจำทุกวัน รอให้รากงอกและแตกใบใหม่ 3.นำไปปลูกลงดินหรือปลูกในกระถางก็ได้ เพราะการที่เราชำให้รากงอกใหม่จะทำให้ต้นกะเพราสูงใหญ่เป็นพุ่ม ถ้ามีหลายต้นให้ปลูกห่างกันอย่างน้อย 20-40 เซนติเมตร วิธีดูแล1.ต้องปลูกในที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน เพราะกะเพราชอบสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น สามารถทนความร้อนได้ดี ทนแล้งได้ดีกว่า ไม่ชอบน้ำท่วมขัง2.การบำรุงด้วยปุ๋ยคอกเป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง ระยะเวลาการปลูก 25-60วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เคล็ดลับ ต้องตัดยอดสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้กะเพราะไม่สามารถออกดอกได้ จะทำให้ต้นนำสารอาหารไปเลี้ยงใบแทน ถ้ายิ่งออกดอกไวก็จะทำให้ต้นกะเพราเก็บกินได้เพียงไม่กี่เดือน 6.โหระพาโหระพาเป็นพืชที่ปลูกง่าย นำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบ เมล็ด และราก และยังเป็นผักสวนครัวที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างช้านาน เพราะนอกจากปลูกไว้ทำอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย ไม่ว่าจะช่วยในการขับลม แก้ท้องร่วง แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และยังช่วยให้เจริญอาหาร รักษาโรคหวัด บรรเทาอาการปวดหัว แก้ไอ แถมยังช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย จากการปลูกโหระพาอาจจะมองว่าปลูกยาก แต่ที่จริงแล้วต้องปลูกให้ถูกช่วงฤดูกาล เช่นหน้าฝนถ้าปลูกแล้วรากจะโตเร็ว เพราะนับได้ว่าเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกแล้วสามารถเก็บกินได้เป็นปีขั้นตอนการปลูก1.ปลูกในดินที่ร่วนซุยใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ดินปลูก ผสมเข้าด้วยกัน สามารถระบายน้ำได้ดี เหมาะจะปลูกในตอนเย็น 2.ให้ขุดลึกลงไปประมาณ 20-25 เซนติเมตร นำต้นกล้าและกิ่งที่ปักชำไว้ ปลูกลงไป กลบด้วยดินให้แน่น 3.นำหญ้าแห้งหรือฟางคลุมที่พึ่งปลูกไป แล้วรดน้ำตามทันที วิธีดูแล1.ในช่วงที่กำลังปลูกใหม่ ต้องคอยรดน้ำทุกวัน2.หลังผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ให้พรวนดินและกำจัดศัตรูพืชออกทุกครั้ง โดยระวังไม่ให้โดนบริเวณโคนต้นและราก3.อย่าให้น้ำขัง ต้องมีทางระบายน้ำที่ดี ระยะการเก็บเกี่ยวประมาณ 30-35 วัน เคล็ดลับการทำให้มีใบโหรพาเก็บกินตลอดปี ให้ใช้มีดตัดกิ่งที่มีระยะห่างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ออกดอกและเร่งการเกิดใบใหม่ เพียงเท่านี้ก็ทำให้มีใบโหระพาเก็บกินตลอดทั้งปีแล้ว นอกจากผักเหล่านี้แล้วยังอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาปลูกแบบง่ายได้ ไม่ต้องดูและยากแถมยังมีผักให้กินได้ตลอดปี ปลอดสารพิษมีประโยชน์ต่อร่างกาย เครดิต ภาพปกประกอบและภาพถ่ายในบทความ ตกแต่งโดย JJKK89/Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !