ทิ้งสัตว์เลี้ยง ท่ามกลาง วิกฤตโควิด 19 นอกจากปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพใจ และปากท้อง จะปรากฏภาพข่าวที่ไม่สู้อภิรมณ์สักเท่าไหร่ นั่นคือ บรรดาเจ้าสัตว์เลี้ยงพากันทิ้งขว้างสัตว์เลี้ยงของตนเสีย หรือปล่อยให้เป็นภาระของสถานอนุบานสัตว์เลี้ยง เช่น ป้าจุ๊ บ้านพักสี่ขาเพื่อหมาจร (https://www.facebook.com/pacuhomeforstraydogs) โดยอ้างว่าตัวเองต้องกักตัว แต่ในขณะเดียวกันก็ทอดทิ้งบรรดาสัตว์เลี้ยง แต่กลับไม่ทอดทิ้งตัวเอง นอกจากนี้ อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ คือ บรรดาคาเฟ่สุนัข-แมว ที่แทบไม่มีลูกค้า... ยิ่งลูกค้าต้องอยู่บ้านเป็นผลจากมาตราการกักตัว กล่าวคือ ยิ่งกักตัวนานเท่าไหร่ รายได้ของค่าเฟ่เหล่านั้นย่อมลดลงมากขึ้นเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุให้เกิดข่าวแพร่สะพัดว่า เจ้าของคาเฟ่ที่ต้องการลดรายจ่ายของกิจการโดยการทิ้งสัตว์เลี้ยงของตนที่ (เคย) ถือเป็นแหล่งดึงดูดลูกค้าในยามปกติ แต่ในยามไม่ปกติตัวเองย่อมต้องหาวิธีลดรายจ่าย บาปเคราะห์จึงไปตกแก่บรรดาสัตว์เลี้ยงอย่างไม่ต้องสงสัย ที่ปรากฏตามหน้าสื่อหลายสำนักที่ประชากรสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ จำนวนมาก ให้พวกเขาเหล่านั้นต้องหาอาหารประทังชีวิตและหาสถานที่หลับนอน ด้วยตัวเอง ... ผมเรียนถามเจ้าของสักเล็กน้อยว่า พอเขามีประโยชน์ การประคบประหงมจะมากเป็นพิเศษ ในยามปกติรักหนู (นะคะ) แต่พอในช่วงวิกฤตคุณมองพวกเขาเป็นภาระ หากเทียบกับอวัยวะสักชิ้นในร่างกาย เห็นทีจะยกตัวอย่างเป็นนิ้วนาง รบกวนท่านผู้อ่านประสานเสียงพร้อมกันกันว่านิ้วนางจะมีประโยชน์เมื่อใด ถูกต้องครับ! วันแต่งงาน นอกจากนั้นเห็นจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่านิ้วอื่น แต่เมื่อมันไม่ค่อยมีประโยชน์ทำไมคุณไม่ตัดทิ้งครับ? อาจเป็นเพราะคุณน่าจะคาดหมายว่าวันหนึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ใช่หรือไม่? หรือการตัดนิ้วนางทิ้งจะทำให้คุณดูเป็นคนพิการ แต่ในขณะเดียวกันคุณไม่คิดจะมองหรือครับว่า บรรดาสัตว์จะกลับมามีประโยชน์เมื่อสถานการณ์ปกติ แม้ว่าคุณจะอ้างว่าก็ ฉันเป็นเจ้าของ จะทำอะไรกับมันก็ได้ หากคุณกำลังคิดแบบนี้จริง เห็นทีผมขอกล่าวเตือนอะไรสักเล็กน้อยว่า พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 “พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 23 ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้งหรือกระทำการใดๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร บทลงโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท” ภายใต้หลักการดังกล่าวข้างต้น ผมขอสรุปองค์ประกอบความผิดดังนี้ ห้ามทิ้งสัตว์เลี้ยง โดยไม่มีเหตุอันควร แปลความกลับ คือ ถ้าทิ้งเพราะมีเหตุอันควร ไม่ผิด เช่น สัตว์เลี้ยงมีเชื้อโควิด 19 แต่การทิ้งเพราะต้องการลดรายจ่าย ส่วนตัวผมมองว่าไม่น่าจะถือเป็นเหตุอันควร เพราะก่อนหน้าเกิดวิกฤต การทิ้งบรรดาสัตว์เลี้ยง อาจเพราะไม่เป็นที่ต้องการของตลาด + ลดรายจ่าย ย่อมฟังไม่ขึ้นเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นในกรณีโควิด การทิ้งบรรดาสัตว์เลี้ยงเพราะต้องการลดรายจ่ายของกิจการจึงไม่น่าจะถือเป็นเหตุอันควรเนื่องด้วยก่อนคุณตัดสินใจซื้อเขามาเลี้ยงคุณย่อมคาดหมายได้ว่า สัตว์เลี้ยงอาจจะก่อให้เกิดทั้งรายได้และรายจ่าย ผมขอย้ำว่าสัตว์เลี้ยงไม่ใช่หุ้น เมื่อทำกำไรไม่ได้ให้ตัดการขาดทุนลง อย่างน้อยในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง คุณย่อมมีหน้าที่เลี้ยงเขาอย่างดีเพื่อแสวงประโยชน์จากเขาในยามปกติ แต่ในยามยากคุณจะทอดทิ้งเขาหรือ? ส่วนตัวผมว่าไม่ใช่ สมมุติเจ้าของถูกทิ้งขว้างบ้างจะรู้สึกอย่างไร - เสียใจ? ถ้าใช่ สัตว์เลี้ยงย่อมรู้สึกไม่ต่างกัน ด้วยเหตุนี้ผมจึงค่อนข้างเห็นด้วยกับการประกาศใช้ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557เพื่อคุ้มครองสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้ และต้องการจะย้ำถึงบรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่า “เมื่อคุณสามารถแสวงประโยชน์จากเขาได้ คุณเต็มใจจะดูแลเขา แต่พอเขาหมดประโยชน์ นั่นไม่ได้แปลว่าพวกคุณมีสิทธิจะทิ้งเขาได้นะครับ เพราะหน้าที่/ความรับผิดชอบในชีวิตของสัตว์เลี้ยงมันเริ่มขึ้นตั้งแต่คุณคิดจะเลี้ยงและได้เลี้ยงเขาแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อชีวิต-สุขภาพของบรรดาสัตว์เลี้ยงไม่ได้เสีย คุณย่อมไม่จำเป็นต้องซ่อม แต่สิ่งที่ควรจะซ่อมคือหัวใจคุณเองนั่นล่ะ ... ก่อนจะเลี้ยงเขาโปรดคิดสักนิดว่าคุณจะรับผิดชอบไหวหรือไม่? ดังนั้นก่อนจะลากันไปผมขอฝากถามแทนบรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้งทั้งในยามปกติและไม่ปกติว่า “ทิ้งหนูเพื่อ”? ทิ้งหนูเพื่อ? ท้ายนี้ผมกราบขอบพระคุณภาพประกอบ ดังนี้ 1. ภาพปก by Matthew Henry from unsplash 2. ภาพ ทิ้งสัตว์เลี้ยง by Margarita unsplash 3.ภาพ ในยามปกติรักหนู (นะคะ) by prostooleh from freepik 4. ภาพ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 by Tingey Injury Law Firm from unsplash 5. ภาพ ทิ้งหนูเพื่อ? by Catarina Carvalho from unsplash เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !