“ไชยชนก” ย้ำรัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เร่งเดินหน้าแผน “Active Cyber Defence” ตอบโต้ภัยไซเบอร์

รัฐบาลเดินหน้าปราบสแกมเมอร์–เล็งกฎหมายใหม่ “Active Cyber Defence 2025”

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อการปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ หลังถูกวิจารณ์ว่าการตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นเพียง “การตั้งคณะกรรมการเพิ่ม” โดยย้ำว่า การแก้ไขปัญหานี้เป็นวาระสำคัญที่กระทรวงดีอีดำเนินการต่อเนื่อง และการที่นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการระดับชาติถือเป็นเรื่องดี เพราะทุกหน่วยงานรวมถึงกองทัพได้บูรณาการทำงานร่วมกัน

นายไชยชนกระบุว่า ปัญหาสแกมเมอร์จำนวนมากเชื่อมโยงกับเครือข่ายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ซึ่งมีข้อจำกัดด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถเข้าดำเนินการข้ามแดนได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งศึกษากฎหมาย “Active Cyber Defence 2025” ของญี่ปุ่น ซึ่งเปิดช่องให้รัฐสามารถตอบโต้ทางไซเบอร์ได้อย่างถูกกฎหมาย และหลายประเทศในเอเชีย เช่น เวียดนาม ก็เริ่มใช้แนวทางนี้แล้ว

“หากมีการคุกคามทางไซเบอร์ เราสามารถจัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อแฮกกลับได้โดยไม่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ปลายเดือนนี้จะมีการลงนามความร่วมมือกับสหประชาชาติ เพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ” นายไชยชนกกล่าว

ชี้ฝ่ายค้านควรส่งหลักฐานหากมีข้อมูลเชื่อมโยงรัฐบาล

สำหรับกรณีฝ่ายค้านอ้างถึงบุคคลชื่อ “เบน สมิธ” ที่ถูกกล่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลในรัฐบาล นายไชยชนกระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อมีคณะกรรมการระดับชาติแล้ว ทุกหน่วยงานจะต้องรวบรวมข้อมูลส่งให้ผู้มีอำนาจโดยตรง ไม่จำกัดเฉพาะกระทรวงดีอีเท่านั้น แต่รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าการเมืองจะทำให้การปราบสแกมเมอร์ช้าลง นายไชยชนกล่าวว่า “ที่ผ่านมาเดินเต็มที่และจะเดินเต็มที่ต่อไป แม้จะเจออุปสรรคมาก แต่ถ้ามีหลักฐานใด ๆ ก็พร้อมดำเนินการทันที”

ความคืบหน้าเงินสินบน 40 ล้านบาท รอตรวจสอบผลเร็ว ๆ นี้

ส่วนความคืบหน้ากรณีเงินสินบน 40 ล้านบาท ที่มีการอ้างว่าเป็นการจ่ายเพื่อให้หยุดปราบสแกมเมอร์ นายไชยชนกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มสแกมเมอร์จริงหรือไม่ โดยเว็บไซต์ที่ตรวจพบถือว่ามีลักษณะเข้าข่าย แต่ต้องแยกแยะให้ชัดเจนก่อนจะโยงสู่ขบวนการสแกมเมอร์ พร้อมระบุว่า “ตอนแรกคิดว่าใช้เวลา 30 วัน แต่ตอนนี้ข้อมูลคืบหน้าเร็วกว่านั้น ขอให้รอติดตามผลในเร็ว ๆ นี้”