วิกฤต 'หาดทุ่งประดู่' เจอคลื่นทะเลซัดหนักต่อเนื่อง หาดทรายหายยาว 30 เมตร
วิกฤต ‘หาดทุ่งประดู่’ เจอคลื่นทะเลซัดหนักต่อเนื่อง หาดทรายหายยาว 30 เมตร
วันที่ 12 กันยายน 2563 นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งและการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้นำคณะทำงานเดินทางลงพื้นที่หมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบการสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งใช้งบ 60 ล้านบาทจากกรมเจ้าท่า ปัจจุบันพบว่าผู้รับเหมาเดิมทิ้งงานนานกว่า 2 ปีโดยก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นไว้ในจุดที่ไม่มีบ้านเรือนของประชาชน
ล่าสุดกรมเจ้าท่าไม่มีการว่าจ้างผู้รับเหมารายใหม่เพื่อก่อสร้างให้เสร็จตามเป้าหมาย โดยชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อนถึงหน้ามรสุม เพื่อป้องกันบ้านเรือนเสียหายเพิ่ม ขณะที่นายสรรชัย พราหมณีย์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 แจ้งว่า ความเดือดร้อนจากคลื่นทะเลซัดรุนแรงกัดเซาะหาดทราย ส่งผลให้ฐานรากของอาคารบ้านเรือนของประชาชนตลอดแนวชายฝั่งทรุดตัว โครงสร้างเสียหาย บางรายไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ภายหลังผู้รับเหมาจากกรมเจ้าท่าทิ้งงาน ทำให้มีน้ำทะเลกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ชายหาดหายไปกว่า 30 เมตร ซึ่งทราบว่าจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐ
“จากการสำรวจทางวิชาการพบว่าบริเวณดังกล่าวมีทรายทะเลเม็ดใหญ่ ทำให้การกัดเซาะง่ายกว่าพื้นที่อื่นที่เป็นทรายละเอียดเม็ดเล็ก ขณะที่ปัญหาเรื่องคลื่นแรงเนื่องจากไม่มีเกาะหรือภูเขากั้น ทำให้น้ำทะเลกัดเซาะรุนแรงกว่าที่อื่น เนื่องจากจุดปะทะ ตลิ่งจึงพังเร็ว ประกอบการสร้างเขื่อนกันคลื่นไม่เป็นไปตามเป้าหมายทำให้คลื่นกัดเซาะชายหาดที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว กรรมาธิการฯจะนำไปพิจารณาในการประชุมภายในสัปดาห์โดยเชิญตัวแทนจากกรมเจ้าท่าชี้แจงข้อเท็จจริง จากการทำโครงการของรัฐที่ล่าช้า และมีงบเหลืออีก 40 ล้านบาทแต่ไม่เร่งดำเนินการการ นอกจากนั้นทราบว่าที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานในพื้นที่จัดซื้อบิ๊กแบ๊กที่ผลิตจากเส้นใยพลาสติคไปวางกันคลื่นหลายครั้ง แต่เสียหายทั้งหมด และพบว่าการใช้ถุงบิ๊กแบ๊กที่เป็นกากอุตสาหกรรมได้ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม” นายวิชิต กล่าว
นายวิชิต กล่าวว่า ล่าสุดกรรมาธิการฯ ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มอนุรักษ์ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขอให้พิจารณาเพื่อตรวจสอบและทบทวน โครงการสร้างเขื่อนกันคลื่นความยาว 900 เมตร บรรจุอยู่ในแผนงบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมือง ปีงบประมาณ 2564 และจะใช้งบผูกพันอีกหลายปี ด้วยงบประมาณมากกว่า 200 ล้านบาท โดยมีข้อมูลจากทีมวิจัยของกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่าพื้นที่ชายหาดปากน้ำปราณเป็นชายหาดที่มีการกัดเซาะต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้โครงสร้างแข็ง เช่น เขื่อนหรือกำแพงกันคลื่น ขณะที่ปัจจุบันชายหาดปากน้ำปราณเหลือหาดทรายที่ไม่มีเขื่อนเพียง 1,400 เมตรเท่านั้น