เมื่อพูดถึง Excel หลายคนอาจจะนึกถึงการใส่สูตรซับซ้อนจนปวดหัว แต่รู้ไหมว่า Excel ก็มีฟังก์ชันที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก หนึ่งในนั้นคือ CORRELATION หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ความสัมพันธ์" นี่แหละ ฟังก์ชันนี้ไม่ได้ช่วยให้เราหาแฟนได้หรอกนะ แต่มันจะช่วยให้เราดูว่าข้อมูลสองชุดของเรามันมีความสัมพันธ์กันขนาดไหน แบบว่าคุยกันรู้เรื่องหรือทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ฟังก์ชัน CORREL คืออะไร?ฟังก์ชัน CORREL นั้นง่ายยิ่งกว่าหาข้าวตามสั่งเสียอีก มันใช้เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลสองชุด แบบว่า "เธอรักฉันเท่ากับที่ฉันรักเธอหรือเปล่า?" ถ้าให้พูดเป็นภาษาวิทยาศาสตร์ก็คือ มันจะบอกว่าเมื่อค่าของข้อมูลหนึ่งเปลี่ยนไป ข้อมูลอีกชุดจะเปลี่ยนตามไปด้วยหรือไม่ แบบมีใจให้กันไปในทิศทางเดียวกัน หรือว่าคนละทางกันเจ้าฟังก์ชัน CORREL มีหน้าตาแบบในรูปนี้เลย(ภาพฟังก์ชัน CORREL) แต่เราไม่ต้องใช้สมการแบบนี้หรอกนะ แค่เห็นก็เวียนหัว ตาลายแล้ว เรามีวิธีง่ายกว่านั้น ใช้ฟังก์ชัน CORREL ใน Excel กัน วิธีใช้ก็ง่ายมาก เรียกใช้ฟังก์ชัน CORREL แล้วส่งข้อมูลชุดที่ 1 กับชุดที่ 2 ที่ต้องการเปรียบเทียบลงไป(ภาพฟังก์ชัน CORREL ใน Excel)(ภาพแสดงส่วนประกอบของฟังก์ชัน CORREL) ตัวอย่างการใช้สมมติว่าเรากำลังสงสัยว่า เวลาฝนตกยอดขายไอติมจะลดลงหรือเปล่า? เราก็สามารถใช้ฟังก์ชัน CORREL เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล "จำนวนวันที่ฝนตก" และ "ยอดขายไอติม" ได้เลย วิธีใช้ CORREL แบบง่ายๆเปิด Excel ขึ้นมา เอาแบบเปิดแล้วยังมีเสียงเพลงประจำตัวด้วยก็ได้ใส่ข้อมูลของเราลงไปในสามคอลัมน์ เช่น A, B และ Cคอลัมน์ A: เดือนคอลัมน์ B: จำนวนวันที่ฝนตกคอลัมน์ C: ยอดขายไอติมในเซลล์ว่างๆ สักเซลล์หนึ่ง พิมพ์ =CORREL(B2:B13, C2:C13) แล้วกด EnterExcel จะประมวลผลด้วยพลังซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (หรือก็แค่ไม่กี่วินาทีนั่นแหละ) แล้วก็จะแสดงผลออกมาเป็นค่าหนึ่ง เช่น 0.95 หรือ -0.85 เป็นต้นในที่นี้จากภาพจะคำนวณได้ -0.7377...(ภาพแสดงการใช้ฟังก์ชัน Correl)ค่าผลลัพธ์ CORREL บอกอะไรเราได้บ้าง?ถ้าได้ค่าที่ใกล้เคียงกับ 1 นั่นแปลว่า ความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งสองเหมือนกับคู่รักที่มองตาก็รู้ใจ ทุกครั้งที่หนึ่งเพิ่ม อีกฝ่ายก็เพิ่มด้วยถ้าได้ค่าที่ใกล้เคียงกับ -1 นั่นแปลว่า ความสัมพันธ์แบบคู่รักที่เจอกันก็ทะเลาะกันทุกที ถ้าค่าหนึ่งเพิ่ม อีกค่าก็จะลดลงแน่นอนถ้าได้ค่า 0 นั่นแปลว่า ข้อมูลทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย เหมือนกับเพื่อนที่เจอกันในงานเลี้ยงแล้วจำกันไม่ได้สำหรับผลลัพธ์ที่ได้จากตัวอย่างข้อมูลอยู่ที่ -0.74 นั้นจะตีความได้ว่าถ้าฝนตกบ่อยขึ้นยอดขายไอติมก็จะลดลงเคล็ดลับสำหรับการใช้ CORRELอย่าลืมว่า CORREL ไม่ได้บอกถึง "เหตุและผล" แต่มันบอกแค่ความสัมพันธ์ ถ้าฝนตกแล้วไอติมขายดีขึ้น มันอาจจะเป็นเพราะว่าเราเปิดร้านอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คนมาหลบฝนก็ได้ ไม่ใช่เพราะคนชอบกินไอติมเวลาเปียกฝนใช้ CORREL เพื่อหาความสัมพันธ์ในข้อมูลที่เราสงสัย เช่น "คนนอนดึกกับน้ำหนักขึ้นมีความสัมพันธ์กันมั้ย?" หรือ "จำนวนแมวในบ้านกับความสุขของเจ้าของ?" สรุปฟังก์ชัน CORREL ใน Excel อาจจะดูเป็นเรื่องเทคนิค แต่ถ้าลองมองมันในแบบขำๆ แล้ว มันก็เหมือนกับการหาความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน ใครจะรู้ เราอาจจะใช้ CORREL หาคู่แท้ของเราในอนาคตก็ได้ (ถ้าโชคดีมากๆ นะ)ฟังก์ชันนี้ไม่ได้แค่สำหรับนักวิทยาศาสตร์หรือนักสถิติ แต่สำหรับทุกคนที่อยากรู้ว่าข้อมูลสองชุดมีความสัมพันธ์กันยังไง ลองใช้ดูสิ เราอาจจะพบความลับในข้อมูลของเราก็ได้นะ ภาพโดยนักเขียนหมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !