“อะไรก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม” คำนี้เรามักได้ยินเสมอจากเพื่อนฝูงที่ต่างต้องเจอผลกระทบจาก โควิด-19 ทุกคนต้องเผชิญเหมือนกันหมด และใช้ชีวิตแบบ New Normal รวมถึงในโลกธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปต่างจากตำราเรียนที่เคยศึกษา แน่นอนล่ะว่าคงไม่มีใครคิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ผู้คนเกิดปัญหาในการดำรงชีวิตพร้อมกันขนาดนี้ จนภาคธุรกิจเกิดคำศัพท์ใหม่ ๆ ให้เราได้รู้จัก และศึกษา เช่นตอนนี้มีกระแส Low-Touch High-Trust ได้ยินแล้วหลายคนสงสัยกันใช่มั้ยว่าเจ้าศัพท์ธุรกิจนี้มันมีความหมายว่าอย่างไร และเกี่ยวข้องกับเราแค่ไหน เราจะมาหาคำตอบกันแบบเข้าใจง่าย เพราะเรื่องธุรกิจต้องอยู่กับเราไปตลอด ที่สำคัญรู้ไว้ได้ประโยชน์แน่นอน ถึงตัวเลขการระบาดในบ้านเราจะลดน้อยลงไปแล้ว แต่ทุกคนยังต้องมีการระวังเช่นใส่หน้ากากอนามัย , ไปทานข้าวต้องเว้นระยะห่าง จะทำอะไรยังมีความกลัวว่าจะเสี่ยงติดเชื้อจนเกิดการระบาดรอบซ้ำหนักกว่าเดิม และความกลัวของผู้คนที่ว่านี้เกิดเป็นโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Low-Touch ถ้าแปลแบบตรงตัวจะได้ว่า สัมผัสต่ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการหยิบจับอะไรในที่ต่ำนะ เป็นการเล่นคำในทำนองที่ว่าคนไม่กล้าสัมผัสอะไรเพราะกลัวติดเชื้อโรค ยังมี ความกลัว จนส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของ หรือใช้บริการอะไรสักอย่าง โมเดล Low-Touch จึงเกิดขึ้นมาเพื่อปรับธุรกิจของเราเพื่อตอบสนองความกลัวของผู้บริโภค ให้เค้ารู้สึกว่ามีความมั่นใจที่จะซื้อสินค้า หรือบริการของเรา ถึงแม้จะทำตามมาตรการเว้นระยะห่าง Social Distance ของรัฐบาลแล้วก็ตาม เช่นร้านอาหารจัดที่นั่งแบบแยกโต๊ะ , มีการวัดไข้ลูกค้าก่อนเข้าร้าน หรือลงทะเบียนผ่าน แอปพลิเคชันไทยชนะ ก่อนเข้าร้าน แต่ก็ยังมีลูกค้าอีกกลุ่มที่ยังเกิดความกลัวยังไม่กล้าไปกิน หรือใช้บริการนอกบ้าน คิดเป็นตัวเลขไม่น้อยเลยเพราะ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจพบว่าคนไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์* ยังมีความกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเอง และครอบครัว แล้วจะทำอย่างไรล่ะ? ที่จะดึงลูกค้ากลุ่มนี้ให้มีความมั่นใจ จึงเกิดโมเดล Low-Touch เพื่อดึงลูกค้าที่ยังมีความกังวล ให้มีความมั่นใจ กล้าที่จะใช้บริการ เช่นเสริมมาตรฐานจากเดิมให้สูงขึ้น เน้นความปลอดภัยตั้งแต่หลังร้าน มีการตรวจหาเชื้อพนักงานทุกคนเป็นประจำ , อุปกรณ์ทุกชิ้นผ่านการฆ่าเชื้อทุกวัน รวมถึงลงทุนใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเช่นนำกล้องถ่ายภาพความร้อนเทอร์โมสแกน มาใช้ตรวจจับคัดกรองอุณหภูมิของคนที่เข้ามาใช้บริการ แค่เห็นมาตรการป้องกันที่สูง กลุ่มลูกค้า Low-Touch ก็มีความมั่นใจมากกว่าร้านธรรมดาทั่วไป กล้าที่จะใช้บริการ เมื่อกล่อมลูกค้ากลุ่ม Low-Touch ได้อยู่หมัดแล้ว กลยุทธ์ต่อไปที่ควบคู่กันคือ High-Trust แปลตรงตัวเลยว่า ความน่าเชื่อถือสูง คำว่าความน่าเชื่อถือนี้คล้ายกับวิธีการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคกลุ่มที่มีความกังวล แต่โมเดล High-Trust ยังช่วยดึงลูกค้ากลุ่มที่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอยให้มาเป็นลูกค้าของเราเพิ่มขึ้น ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น หรือพูดอีกอย่างคือ ความไว้วางใจ ซึ่งไม่ใช่แค่มาตรการป้องกัน โควิด-19 อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงความน่าเชื่อถือในภาพรวม บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าในสภาวะวิกฤติแบบนี้ ยังมีแผนงานที่ดีในการดูแลลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไป , ลูกค้ามี ความเชื่อมั่น ว่าฐานะการเงิน และความสามารถในการบริหารจะไม่มีทางลอยแพลูกค้า เมื่อรวมกับ Low-Touch มันจึงเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงที่ตีกลุ่มลูกค้าได้พร้อมกัน 2 ทางเรียกกันว่า Low-Touch High-Trust คือได้ลูกค้าที่กลัว ถ้าไม่ทำอะไรกลุ่มนี้จะไม่มีทางมาใช้บริการ และยังได้ลูกค้าที่มีความมั่นใจ มีกำลังซื้อ ถ้าไม่ทำอะไรเค้าก็ไปร้านอื่น ให้มาเป็นลูกค้าเรา จึงถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าจับตามอง และนำมาปรับใช้ให้กับธุรกิจของตัวเอง และแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องของผู้ประกอบการอย่างเดียว เพราะเมื่อเกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ มีการแข่งขันกันสูง เราที่เป็น ผู้บริโภค จะได้รับประโยชน์จากโลกของธุรกิจที่เปลี่ยนไป มีอะไรใหม่ ๆ มาให้เราสัมผัส ให้ได้ใช้บริการกันเสมอ ยังไงย่อมดีกว่าธุรกิจที่อยู่แบบเดิมไม่มีอะไรมาให้เราตื่นตาตื่นใจแน่นอน เห็นไหมครับเรื่องราวของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย เพียงเท่านี้เราก็มีเรื่องไปคุยในหมู่เพื่อนฝูงแล้ว ถ้าไม่อยากให้เพื่อนตกเทรนด์ สามารถแชร์ในโซเชียลมีเดียได้ทุกช่องทาง แล้ววันหน้ามาติดตามเรื่องราวสนุกแบบนี้ได้ที่ cities.trueid.net สมัครสมาชิก และกดติดตามกันได้เลย... ภาพประกอบจาก Pixabay ภาพหน้าปก / Unflash ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3