สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน "คน Toxic" หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ เลยก็คือ "คนที่อคติคิดลบ" หรืออาจจะเรียกอีกแบบหนึ่งว่าเป็น "คนที่มีพฤติกรรมในเชิงลบ" ก็ได้ ซึ่งต้องเลยว่าคนประเภทนี้มันก็มีหลากหลายรูปแบบมากในสังคม ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและลักษณะของบุคคลที่อยู่รอบๆ ตัว เราต่างก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่รอบๆ ตัวที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วยเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ เขาจะเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า เขาจะทำให้ชีวิตของเราย่ำแย่ลงกว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็เป็นสัญญาณที่ชี้ชัดได้ในระดับหนึ่งเลยว่าคนคนนี้เป็นพวก Toxicอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าคนที่ Toxic นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ในเนื้อหานี้เราจะมาบอกถึงประเภทของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพวก Toxic โดยเราจะรวบรวมมาทั้งหมด 12 ประเภทด้วยกัน จากประสบการณ์ส่วนตัวทั้งของตัวผู้เขียนเองและของคนใกล้ตัว พร้อมทั้งบอกถึงวิธีในการรับมือที่ทุกๆ คนที่เจอบุคคลเหล่านี้ก็สามารถรับมือกับมันได้ จะมีประเภทไหนกันบ้างเราลองค่อยๆ อ่านกันไปทีละข้อนะครับ หมายเหตุ : เนื้อหาบทความนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีหรือพาดพิงถึงใครคนใดคนหนึ่งในเชิงลบทั้งสิ้น เป็นเพียงการให้ความรู้และประสบการณ์แก่เหล่าผู้อ่าน และรูปภาพทั้งหมดก็เป็นเพียงรูปภาพที่ผู้เขียนได้ออกแบบขึ้นมาเอง เพื่อให้เข้ากับเนื้อหามากขึ้น ไม่ใช่ภาพจริงๆ แต่อย่างใด หากผิดพลาดแต่ประการใดทางผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 1. คนที่ทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาล : คิดว่าโลกต้องหมุนรอบตัวเอง คิดว่าคนอื่นต้องทำตามในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาได้ทุกอย่าง คนอื่นจะคิดเห็นแบบไหนยังไงก็ช่าง ความคิดของตัวเองจะต้องเป็นใหญ่และถูกต้องเสมอ ไม่ว่าใครที่เห็นต่างกับตัวเองก็จะไม่พอใจอย่างมากเลยทีเดียวแชร์ประสบการณ์ : ในที่ทำงานเราเจอบ่อยมาก เราเป็นผู้น้อยแน่นอนว่าก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่ในบางครั้งเขาเองก็ต้องฟังเราบ้างเช่นกัน ไม่ใช่สั่งแต่บ่นสั่งแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว คอยบีบบังคับให้เราต้องฟังเขาคนเดียว ทำให้ตัวเขาดูใหญ่ไว้ก่อน เราจึงทนต่อไปไม่ไหวก็เลยต้องถอนออกมา ถึงเราอยู่ต่อไปก็คงต้องเครียดขึ้นแน่ 2. คนที่ตรงๆ แรงๆ : คือไม่ใช่ว่าคนที่ตรงๆ แรงๆ จะเป็นคนไม่ดีไปซะหมดนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด คนที่ตรงๆ แรงๆ ที่เขาจริงใจและให้เกียรติคนฟังอย่างเรามันก็มีอยู่บ้าง แต่ในที่นี้หมายถึงคนที่คิดจะพูดอะไรก็พูดออกมาตามที่คิด โดยไม่เคยคิดถึงจิตใจและความรู้สึกของคนฟังเลยแม้แต่น้อย จนทำให้เกิดความรู้สึกหมดกำลังใจ เป็นเพราะความจริงบางอย่างที่อาจไปทำให้กระทบกระเทือนจิตใจคนฟัง มันตรงใจเกินไปจนทำให้คนฟังรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีกแชร์ประสบการณ์ : สำหรับเราแล้วการเป็นคนตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร แต่มันก็ควรคิดถึงความรู้สึกของคนฟังอย่างเราบ้างนะ เราเองก็เจอเช่นกัน ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัว การที่เขามาพูดตรงๆ ใส่เราแบบนั้น มันก็เท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น จากที่เคยแย่อยู่แล้วมันกลับแย่หนักกว่าเดิม คือไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมรับความจริงนะ เรารู้และยอมรับกับมันได้เสมอ แต่เราแค่ไม่อยากตอบโต้เขาก็เท่านั้น เราทำได้เพียงแค่เงียบแล้วอดทนยอมรับฟังเขา อย่างที่ได้บอกไปคือความจริงบางอย่างมันก็กระทบกระเทือนจิตใจเราได้เหมือนกัน มันอยู่ที่เราเข้มแข็งพอที่จะรับมันได้หรือเปล่า เพราะระดับความเข้มแข็มของคนเรามันมีไม่เท่ากันอยู่แล้ว 3. คนที่ชอบยั่วโมโห : คนแบบนี้จะชอบยั่วยุให้เราเกิดความโมโหหัวร้อน หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "กวนประสาท" นั่นแหละ จนเราอยากที่จะเข้าไปบวกใส่ แต่แบบนี้มันไม่ใช่การตอบโต้ที่ดีเลยสักนิด อีกฝ่ายคงอยากที่จะนึกเล่นสนุก หรืออาจจะกำลังหมั่นไส้เราอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ไปทำอะไรให้ ถ้าเป็นบางคนที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ก็คงจะใส่เดี่ยวไปนานแล้วแชร์ประสบการณ์ : ในข้อนี้เราเจอบ่อยมากที่สุดเลยล่ะ ตั้งแต่ตอนสมัยประถมจนมาถึงตอนทำงาน คือเราไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครก่อนเลยนะ และด้วยความที่เราเองก็ไม่ค่อยสู้คน ขี้ขลาดตาขาว เวลาคนแกล้งหรือเข้ามากวนประสาทนิดๆ หน่อยๆ ก็คือไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นหัวร้อนจนลงไม้ลงมือนะ เราเลือกที่จะเงียบและเลือกที่จะไม่ตอบโต้กับคนแบบนี้ เพราะเรารู้ดีว่าถึงทำแบบนั้นไปมันก็เกิดเรื่องเดือดร้อนทั้งกับตัวเองและคนรอบตัว เราจึงทำได้แค่พยายามเก็บกด พยายามอดทนอดกลั้นให้ได้นานที่สุด แล้วทำหน้าที่ของตัวเราเองต่อไป เมื่อถึงวันที่เราได้เป็นอิสระเรากับคนเหล่านั้นจะได้ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ และต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองสักที 4. คนที่รังแกข่มเหง : ในช่วงเวลาหนึ่งที่เราอ่อนแอหรือโดดเดี่ยวในชีวิต คนประเภทนี้ก็มักจะเข้ามาหาเราได้เสมอ เข้ามารังแกทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้คนที่รังแกเกิดความสนุกและความสะใจที่ได้ทำเช่นนี้ ส่วนคนที่ถูกรังแกจะเกิดความเสียใจ เจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่อยากที่จะเข้าสังคม หวาดกลัวหวาดระแวงผู้คน ไม่กล้าใช้ชีวิตกับใครแชร์ประสบการณ์ : เคยเจอเมื่อตอนสมัยเรียนกับตอนทำงานอีกเช่นกัน โดนแกล้งออกจะบ่อยมากเลย เราเป็นคนเนิร์ดๆ เรียบร้อย ไม่สู้คน มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งเอาอะไรมาขีดเขียนโต็ะ กระเป๋า และอื่นๆ สารพัด รวมไปถึงการแกล้งด้วยวิธีอื่นๆ อีกด้วย ทำให้ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว อยากจะไปจากที่นั่นให้พ้นๆ แต่มันก็ไปไหนไม่ได้ เราต้องอดทนอยู่ต่อเพื่อคนรอบข้างได้สบายใจ 5. คนที่นินทาลับหลัง : คนที่ชอบเอาเราไปพูดเสียๆ หายๆ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่พูดนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่ได้รู้จักเราดีพอแต่เอาไปพูดอย่างสนุกปาก จนทำให้คนที่ถูกนินทาเสียหายและอับอายขายหน้าอย่างหนัก และเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจอย่างมาก เล่าความลับอะไรไปก็เอาไปเป่าประกาศให้คนอื่นรู้แชร์ประสบการณ์ : ทุกครั้งที่เราเห็นใครมานินทาเรา ลึกๆ เราก็แอบไม่พอใจนะ เขาแค่พูดในสิ่งที่เขาเห็นแต่เขาไม่เคยรู้ถึงตัวตนของเรา ก็ยอมรับว่าอายมากที่คนเอาเราไปพูดหรือไปเม้าท์กันอย่างสนุกปาก และไม่ชอบที่เขามาตัดสินเราแบบนั้น เราจึงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากเราจะต้องหลีกเลี่ยง ถอยออกมาให้ห่าง พยายามเลี่ยงการเล่าเรื่องส่วนตัว เอาตัวรอดจากคนเหล่านั้น ถึงอยู่ต่อไปชีวิตเราจะไม่มีทางปลอดภัยแน่ เขาอาจจะเอาเรื่องของเราไปพูดเสียๆ หายๆ อีกเมื่อไหร่ก็ได้ คนเหล่านั้นไว้ใจไม่ค่อยได้ อยู่ด้วยก็ไม่ค่อยปลอดภัยและไม่สบายใจเป็นที่สุด 6. คนที่เห็นแก่ตัว : อะไรที่คิดว่าได้ประโยชน์กับตัวเองก็จะรับไว้ทันทีอย่างไม่ลังเล คนอื่นจะเป็นยังไงไม่สำคัญขอแค่ให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ปรารถนาเท่านี้ก็พอใจแล้ว คนแบบนี้โดยส่วนใหญ่มักจะเห็นประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ยอมเข้าหาหรือเข้ามาทำดีด้วยก็เพื่อหวังตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวเอง หรือในบางครั้งก็ทำตัวขี้เกียจ งอมืองอเท้าไม่ช่วยทำอะไร ตัวเองทำตัวสบายไปวันๆ แต่คนอื่นกลับลำบาก เรียกได้ว่าคนแบบนี้ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเองล้วนๆ จริงๆแชร์ประสบการณ์ : เราเคยเจอคนแบบนี้มาก็เยอะ บางคนก็ทำตัวสบายเกินจนเราต้องเหนื่อย เพียงเพราะเห็นว่าเราเป็นคนที่ยอมคนง่าย ใจดี ซึ่งความใจดีของเรานี่แหละส่งผลทำให้อีกฝ่ายยิ่งเอาเปรียบเรามากขึ้น นึกจะทำอะไรกับเราก็ได้ ตอนแรกก็ยอมรับว่าไม่ได้ติดใจอะไร แต่ระยะหลังๆ เราเองก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบที่อีกฝ่ายมาเอาเปรียบเราแบบนี้ เราไม่ชอบคนเห็นแก่ตัวแบบนี้มาก คือตัวเองกะจะเอาสบายอย่างเดียวเลยจนไม่แคร์ว่าคนอื่นจะเป็นยังไง ไม่มีจิตสำนึก เราทั้งเหนื่อยและคับแค้นใจอย่างมากที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ 7. คนที่ใช้ความรุนแรง : ในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การพังข้าวของ รวมไปถึงการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคายต่างๆ อันก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในความสัมพันธ์ ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเช่นนี้จะถือได้ว่าเป็นคนที่ Toxic อย่างแท้จริง เป็นคนที่ไม่มีใครต่างก็อยากที่จะอยู่ใกล้ด้วย เพราะคนแบบนี้มีอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะปกติ อารมณ์ร้อน เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย เกรงว่าคนอื่นจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วยแชร์ประสบการณ์ : ถ้าเป็นเรื่องทำร้ายร่างกายส่วนตัวเราเจอน้อยมาก เฉพาะต้อนเรียนประถมถึงม.ต้น แต่ที่เราเจอส่วนใหญ่เห็นที่คงจะเป็นถ้อยคำที่รุนแรงและหยาบคายต่างๆ จากเพื่อนร่วมชั้นเรียน รวมไปถึงจากครูบาอาจารย์บางคน ทั้งคำสบประมาท คำดูถูก คำล้อ รวมไปถึงคำแรงๆ ต่างๆ ที่ทำให้กระทบกระเทือนต่อจิตใจและความรู้สึก ยอมรับว่าเรารู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้ยินคำเหล่านี้ แต่ก็แน่นอนว่าเราทำได้เพียงเงียบ จะไม่พยายามตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วฝืนอดทนอยู่ต่อไปจนกระทั่งเรียนจบ หลังจากนั้นก็ค่อยสบายใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง 8. คนที่หน้าไหว้หลังหลอก : อยู่ต่อหน้าทำเหมือนจะเป็นคนดี จริงใจ ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรมากนัก แต่พออยู่นานๆ ไปก็แปรเปลี่ยนเป็นคนละคน จากหน้ามือเป็นหลังมือ ที่แท้อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด มันเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อหลอกปั่นหัวให้หลงเชื่อตายใจก็เท่านั้น ไม่เคยรับผิดชอบในคำพูดของตัวเองที่ได้ลั่นวาจาไว้ เคยพูดอะไรไว้ซะอย่างดีแต่แล้วก็ทำไม่เคยได้สักครั้ง โกหกเก่งขั้นเทพ จัดได้ว่า Toxic แบบสุดๆแชร์ประสบการณ์ : เคยเจอคนในลักษณะที่เข้ามาทำทีเหมือนจะดี จนเรานี่หลงเชื่อสนิทใจ คือเชื่อมาตลอดว่าเขาคือเพื่อนแท้ของเราอีกคนหนึ่งที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ แต่พอนานวันนิสัยที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็จะค่อยๆ ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เราได้รู้ว่าไม่มีใครที่หวังจริงใจกับเราเลยสักคน อีกฝ่ายไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเราเลยแม้แต่น้อย ทำเหมือนเราไม่มีค่า เราทำได้แค่ทำใจ ถือซะว่าเป็นบทเรียนเอาไว้เตือนสติว่าอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ ถึงแม้ในช่วงแรกเขาอาจจะดี แต่ก็ใช่ว่าจะดีไปตลอด นิสัยของคนมันเปลี่ยนได้เสมอ 9. คนที่ขี้ขโมย : พวกที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย เป็นภัยอันตรายอย่างมากในสังคม ของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ก็ย่อมถูกขโมยไปได้ง่ายๆ ทั้งนั้น ทั้งที่ของสิ่งนั้นไม่ใช่ของของตัวเองก็ตาม ก็ยังเอาไปดื้อๆ โดยที่ไม่มีการเอ่ยปากขอ คนแบบนี้เป็นพิษเป็นภัยแก่เราทุกคน ถ้าเราเก็บของไว้ไม่ดีพอ มันก็อาจจะมีพวกมือดีมาขโมยแย่งไปได้แชร์ประสบการณ์ : ตอนประถมเป็นอย่างบ่อย อุปการณ์การเรียนไม่ว่าจะเป็นดินสอ, ยางลบ, ไม้บรรทัด, ปากกา และอื่นๆ คือหายเกลี้ยง ตามคืนก็ไม่ได้อีกด้วย ส่วนใหญ่เป็นคนที่มายืมแล้วก็ไม่คืน เอาไปเลยดื้อๆ เราจึงตัดปัญหาโดยการซื้อมาใหม่แล้วเก็บซ่อนไว้ให้มิดชิดที่สุด ไม่ให้ใครเห็นและก็ไม่ให้ใครยืมด้วย 10. คนที่ขี้ฟ้อง : คนประเภทนี้มักจะคอยจ้องจับผิดเราอยู่เสมอ และคอยเอาเรื่องความผิดพลาดของเรานำไปเล่าให้คนใกล้ตัวของเราฟัง เพื่อให้เรารู้สึกผิดมากขึ้น และให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก ตัวเองถูกแต่คนอื่นผิด อีกอย่างคือคนประเภทนี้มักคิดว่าตัวเองเป็นคนโปรด เป็นคนที่คนอื่นเชื่อถือ พูดอะไรไปใครก็เชื่อ คนแบบนี้พอเราทำผิดนิดหน่อยก็เอาไปฟ้องแล้วแชร์ประสบการณ์ : เราเคยเจอเหตุการณ์นี้เมื่อครั้งสมัยเรียนประถมอีกเช่นกัน ทุกครั้งที่เราทำผิดพลาดกับเรื่องบางเรื่อง ก็มักจะมีใครบางคนเอาเรื่องที่เราทำผิดไปฟ้อง ทั้งกับครูหรือกับคนในครอบครัว ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แน่นอนว่าในเมื่อมันเป็นแบบนี้เราเองก็ทำได้แค่ยอมรับในความผิดของตัวเอง ตอนนั้นเขาคงจะไม่ชอบเราอย่างมาก ถึงได้คอยจับผิดเรา 11. คนที่ขี้อิจฉา : คนแบบนี้อัตรายกว่าที่คิด ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเขาจะทำแย่ๆ ใส่เราตอนไหน เห็นเราได้ดีไม่ได้ก็เกิดความรู้สึกอิจฉาตาร้อน แรงแค้นค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น พร้อมที่จะทำร้ายเราได้เสมอ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตามแชร์ประสบการณ์ : เราเคยถูกแกล้งเมื่อตอนสมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาอิจฉาเราหรือเปล่าที่เขาชมและเอ็นดูเรามากกว่าใครๆ เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เราเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเรายังเด็กอยู่มาก ทำได้แค่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป พวกนั้นอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไป เราไม่ชอบมีปัญหาก็เลยเลือกที่จะเงียบเพื่อสยบเหตุการณ์ทุกอย่างให้เบาลง 12. คนที่ไม่สำนึกผิด : คนที่ชอบโทษแต่คนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนผิดเต็มๆ ไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะขอโทษด้วยซ้ำ ชอบหาข้อแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิดที่ตัวเองก่อ ถามอะไรก็ปฏิเสธ ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ คิดว่าตัวเองถูกไปซะหมด คิดว่าตัวเองมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียใดๆ เลยแชร์ประสบการณ์ : เราเจอเหตุการณ์แบบนี้ส่วนใหญ่ในที่ทำงาน คือมันก็ต้องมีบ้างแหละคนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด คนแบบนี้แทบจะไม่ค่อยมีจิตสำนึก รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองทำผิดแต่กลับนิ่งเฉย บ่ายเบี่ยง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบางครั้งก็เถียงคำไม่ตกฟาก แก้ตัวสารพัด เราบอกตามตรงเลยว่าเราเหนื่อยมาก เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่แต่เหนื่อยใจสิเหลือทน เราทำได้เพียงเงียบแล้วปล่อยผ่านไป พยายามไม่อยากมีปัญหา เจอกันก็จะพยายามหลีกเลี่ยง เป็นการตัดปัญหาตรงนี้ไปไม่ให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่าเดิม แล้วเราจะรับมืออย่างไรดี ?ิการที่เราจะรับมือกับพวกคน Toxic ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเราต้องตั้งสติ ใจเย็นๆ พยายามนิ่งเฉยให้มากที่สุด อย่าไปใส่ใจและก็อย่าไปให้คุณค่ากับคนประเภทนี้ เงียบเข้าไว้ไม่ควรไปตอบโต้อย่างยิ่ง เพราะถึงตอบโต้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มันเสียเวลาชีวิต แถมมันจะยิ่งทำให้เรื่องบานปลายกันไปใหญ่ ทางที่ดีคือเราควรใส่ใจกับสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้า ใช้เวลาอันมีค่าในการอยู่กับตัวเอง คิดทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านๆ มา ถ้าคิดว่าไม่ไหวก็ให้รีบถอยออกมา การที่เราได้ถอยออกมาจากคนเหล่านั้นแล้วอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้สภาพจิตใจเราดีขึ้น มีความสุขขึ้น และเราก็ยังได้รักตัวเองมากขึ้นอีกด้วย พร้อมที่จะเปิดรับคนใหม่ๆ ที่ดีและจริงใจเข้ามาในชีวิต จากประสบการณ์ที่เราได้ใช้แล้วมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระดับหนึ่ง เราไม่รู้อึกอึดอัด เราได้ปล่อยวาง ได้เป็นตัวของตัวเองแบบเต็มที่ สุขภาพจิตใจเราดีขึ้นบ้าง OK นะครับ ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาในบทความนี้ ก็ขอให้ผู้อ่านทุกๆ คนใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ไร้ซึ่งพวกคน Toxic ทั้งหลายเหล่านี้นะครับ ก็หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะครับ เครดิตรูปภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาทั้งหมดออกแบบโดย : AloneLife (ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !