รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
12 มีนาคม 2567 ( 09:31 )
31

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบค่อนข้างแคบที่ 1,377-1,385 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ก.พ. คืนนี้ ตลาดคาด Headline +0.4% m-m, +3.1% y-y ส่วน Core คาด +0.3% m-m, +3.7% y-y 

 

ด้านเงินเฟ้อคาดการณ์ 1 ปีข้างหน้าทรงตัวที่ 3% ส่วน 3 ปี และ 5 ปี ขยับขึ้นเป็น 2.7% และ 2.9% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนว่ายังต้องใช้ระยะเวลาอีกนานพอสมควรก่อนที่เงินเฟ้อจะขยับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 2% ของ FED ทำให้เรามองว่าการประชุม FED สัปดาห์หน้า สิ่งที่ต้องจับตาคือ Dot Plot ใหม่ ว่าจะเห็นจำนวนการปรับลดดอกเบี้ยน้อยลงหรือไม่จากล่าสุดที่มองปี 2024-2026 ปรับลง 3 ครั้ง / 4 ครั้ง / 3 ครั้ง ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จำกัดหรือกดดันสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น 

 

สำหรับตลาดหุ้นไทยภาพรวมยังคงรอปัจจัยบวกโดยเฉพาะงบประมาณประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะผ่านสภาฯได้และประกาศใช้ต้นเดือน เม.ย. หนุนความเชื่อมั่นและทำให้ภาคการลงทุนเร่งตัว และทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจและกำไรบจ.จะทยอยเร่งตัวใน 2024 โดยเฉพาะตั้งแต่ 2Q24 เป็นต้นไป

 

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.:  BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio :  AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

 

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท

• แนวโน้ม SSSG 1QTD ยังเป็นบวกแข็งแกร่ง Low-to-Mid Single Digit ทำให้เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 1Q24 จะยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายสาขา CVS จะเพิ่มอีก 700 สาขาในไทยและยังมีแผนขยายสาขากัมพูชาและลาวต่อเนื่อง 

• ประมาณการกำไรปี 2024 ปัจจุบันของเราที่ 2 หมื่นลบ. +11% y-y อาจมี Upside อีกเล็กน้อย ด้าน Valuation ยังค่อนข้างถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 25 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่ 30 เท่า

• แนวรับ 56.75//56 บาท แนวต้าน 58//59 บาท

 

**บล.ดาโอ คาดตลาด ชะลอตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ที่รอเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทรุดตัว ส่งผลให้มีการขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามาในตลาด โดยตัวแปรสำคัญที่สุดของสัปดาห์นี้ คือ แนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed นักลงทุนในตลาดโลกรอดูตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐฯ ที่จะรายงานคืนนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1% YoY (เดือนก่อน 3.1%) และตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ที่จะรายงานในวันพฤหัสนี้ ส่งผลให้ Flow ที่อยู่ในตลาดต่างๆ ชะงักไปชั่วขณะ

 

• ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้ข่าวมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่า ที่ทำให้นักลงทุนตีความว่า BOJ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย (ยกเลิก YCC) เร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ (หลังเดือน เม.ย.)  ทั้งนี้ BOJ จะมีการประชุมครั้งถัดไปคือ 19 มี.ค. และ 25 เม.ย. ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาตั้งแต่วานนี้ (ส่วนหนึ่งมาจาก GDP 4q ที่ออกมาต่ำกว่าคาด) กระทบมาถึงตลาดอื่นๆ ในเอเซียด้วย

 

• การประชุม NPC ของจีน มีสัญญาณว่า จีนเตรียมออกมาตรการด้านเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้น และแก้ปัญหาออกมา คาดจะมีความเป็นรูปธรรมในอีกไม่นาน.....สัปดาห์นี้ ธนาคารกลางของจีน จะมีการประชุมดอกเบี้ย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดดอกเบี้ย หรือปรับลด RRR อีกครั้ง หุ้นไทย ที่จะได้ประโยชน์จากจีนฟื้นตัว กลุ่มแรกๆ คือ กลุ่มเดินเรือ (PSL)

 

• สถานการณ์ตะวันออกกลาง  ติดตามความคืบหน้าในการเจรจา เพื่อหยุดยิงระหว่าง อิสราเอล-ฮามาส หากสำเร็จ จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยตรง

 

• ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์จากการ rebalance ของ ดัชนี FTSE  2 ดัชนี คือ FTSE Global Equity Index Series  และ FTSE/ASEAN 40 Index โดยใช้ราคาปิดวันที่ 15 มี.ค. จะทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง มีความผันผวนในช่วง 2 วันก่อนหน้า และวันหลังจาก rebalance อีก 1 วัน

 

• Event และตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ : ประชุม ครม.

 

Strategy

• นักลงทุนเลือกขายทำกำไรในจังหวะที่ตลาดขึ้นมามาก (+2.0% จาก low) ส่วนหนึ่งมาจาก สัปดาห์นี้ จะมีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (12+14) และจะมีการ rebalance ของดัชนีฯ FTSE(15) ด้วย กลยุทธ์สั้นๆ จะเป็นขายทำกำไร และเปลี่ยนตัวเล่น

• แผนการเทรด มีจุด check point ขาขึ้นไว้ 2 จุด คือ 1396 และ 1404 จุด ส่วนขาลง คือ 1380 , 1376 และ 1362 จุด 

• theme ลงทุน ตอนนี้ มี 3 theme คือ  ปันผลสูง-หุ้นชั้นดี-หุ้นราคาลงมาลึก

• หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง เราแนะนำ SCB, TISCO , DMT และ PTT

• หุ้นที่กำไรและแนวโน้มหุ้นที่ยังดี  ให้หาจังหวะเข้าซื้อ มีตัวเลือก 6 ตัว คือ PLANB, HMPRO, GLOBAL, WHA, SJWD, AOT และ BDMS

• หุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ วันนี้เราเลือก AP, BH, KCE, ADVANC, TU และ PSL

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ ICHI ออก และคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด  หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย KCE(10%), WHA(10%)

 

Technical : GABLE, CHASE

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,365 – 1,370 แนวต้าน 1,390 – 1,395 รอประเมิน US CPI และประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยว CPALL,CPAXT,BJC,AOT,AAV,MINT / JMT,KTC,GULF,GPSC,BGRIM ได้ประโยชย์จาก US Bond Yield ปรับลดลง/ เครื่องดื่ม PLUS, TACC / เก็งกำไรทางเทคนิค XPG,BROOK     

 

GPSC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 59.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 1Q67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.67 ขึ้นมาที่ 4.18 บาท/หน่วย ประกอบกับต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดต่ำลงตามฤดูกาล ช่วยหนุนอัตรากำไรดีขึ้น ส่วนในปี 67 คาดค่าไฟฟ้ามีโอกาสขยับขึ้นหรือทรงตัวจากงวดปัจจุบัน อีกทั้งได้ผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง  นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และ sentiment บวกจาก Bond Yield ที่ปรับลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 5 พันล้านบาท +35%YoY

 

GFPT* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 13.90 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 410 ลบ. +29%QoQ -9%YoY โดยการดำเนินงานหลัก YoY(ทั้งราคาไก่ลง ตัวเลขส่งออกลง) ยังหดตัว เเต่ภาพ QoQ เเม้ 4Q66 ราคาไก่ไทยจะปรับตัวลดลง แต่มีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกที่สูงขึ้นทั้งตัวรายได้ไก่ดิบ และส่วนแบ่งกำไร จาก ไก่ปรุงสุกของ McKey ส่วนแนวโน้ม 1Q67 เบื้องต้นคาดยังมีแรงหนุนจากการส่งออกที่จะดีขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรปจากกความขัดแย้งในทะเลแดง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ GFPT* จะอยู่ที่ระดับ 1,506 ลบ.(+9.41%YoY) และ 1,661 ลบ.(+10.32%YoY) ตามลำดับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง