ปลูกมะเขือเทศช่วงหน้าร้อน ในกระถางหน้าบ้าน กี่วันได้เก็บกิน | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ถ้าผู้เขียนจะพูดว่า การปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อนของประเทศไทยของเรานั้น แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็ยังเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและสามารถทำได้จริงสำหรับคนทั่วไปที่อยากลองปลูกผักกินเองค่ะ ถึงแม้ว่าการมีพื้นที่จำกัดในกระถางอาจทำให้ได้ผลผลิตไม่มากเท่ากับการปลูกลงดิน แต่ก็สามารถให้ผลผลิตที่เพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนได้บ้าง โดยเราต้องให้สำคัญเกี่ยวกับการเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม ระบายน้ำได้ดี และการเตรียมดินปลูกที่มีคุณภาพ รวมถึงการเลือกสายพันธุ์มะเขือเทศที่เหมาะสมกับการปลูกในกระถางหน้าบ้านค่ะ เพราะว่าอุณหภูมิที่สูงจะทำให้ดินในกระถางแห้งเร็วกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อาจจะต้องรดวันละ 2 ครั้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด นอกจากนี้การวางกระถางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ก็ยังคงสำคัญต่อการเจริญเติบโต แต่ในช่วงที่แดดแรงจัดในช่วงกลางวัน อาจจะต้องหาวัสดุมาช่วยพรางแสงบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นและผลมะเขือเทศถูกเผาไหม้ แต่สำหรับผู้เขียนโชคดีตรงที่ พอบ่ายมากำแพงหน้าบ้านจะบดบังแสงแดดที่จะส่องไปที่ต้นมะเขือเทศค่ะ ดังนั้นการปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อนจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องดิน น้ำ แสงแดด และการป้องกันโรคแมลงที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายในสภาพอากาศร้อนชื้น การหมั่นสังเกตอาการของต้นไม้ และการให้ปุ๋ยอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้มะเขือเทศในกระถางของเราสามารถเติบโตและให้ผลผลิตได้ แม้จะไม่มากเท่าการปลูกในแปลงใหญ่ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกและได้ผลผลิตที่สดใหม่ไว้รับประทานเองอย่างแน่นอนค่ะ การเริ่มต้นปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านด้วยต้นกล้าในช่วงหน้าร้อนที่ผู้เขียนได้ทำมานั้น มีข้อดีหลายประการที่น่าสนใจค่ะ ข้อแรกคือความสะดวกและรวดเร็ว ต้นกล้าที่ผ่านการเพาะและดูแลในช่วงแรกมาแล้ว ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาและความกังวลกับการปลูกด้วยเมล็ด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและมีอัตราการงอกที่ไม่แน่นอน การใช้ต้นกล้าจึงช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มโอกาสในการปลูกสำเร็จได้มากขึ้น นอกจากนี้ต้นกล้าที่แข็งแรงมักจะมีความต้านทานต่อสภาพแวดล้อมและโรคได้ดีกว่าเมล็ดที่เพิ่งงอกใหม่ๆ ทำให้เราเริ่มต้นการปลูกด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นค่ะ หากคุณผู้อ่านไปซื้อต้นกล้ามา การเลือกซื้อต้นกล้ายังช่วยให้เราสามารถเลือกสายพันธุ์มะเขือเทศที่เราต้องการได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ที่ทนต่อความร้อน พันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว หรือพันธุ์ที่เราชื่นชอบรสชาติเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะหาเมล็ดพันธุ์ได้ยากกว่า การใช้ต้นกล้าจึงเหมือนเป็นการ "ลัดขั้นตอน" ทำให้เราเข้าใกล้การเก็บเกี่ยวมะเขือเทศสดๆ จากหน้าบ้านได้เร็วขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงในช่วงเริ่มต้นของการเจริญเติบโตของต้นมะเขือเทศอีกด้วยค่ะ สำหรับใครที่สนใจจะปลูกมะเขือเทศด้วยต้นกล้าในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อนนี้ การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญเลยค่ะ แม้ว่าเราจะสามารถปลูกได้ตลอดฤดู แต่การเริ่มต้นในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจัดจนเกินไปจะช่วยให้ต้นกล้าตั้งตัวได้ดีและลดความเครียดจากสภาพแวดล้อมได้ โดยช่วงที่แนะนำคือช่วงต้นฤดูร้อน หรืออาจจะเป็นช่วงปลายฤดูฝนที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแต่ยังมีความชื้นอยู่บ้าง การปลูกในช่วงนี้จะทำให้ต้นกล้าค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นได้ และมีเวลาในการเจริญเติบโตและออกดอกติดผลค่ะ และช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการย้ายต้นกล้ามะเขือเทศลงกระถาง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศค่อนข้างร้อน คือ ช่วงเย็นหลังแดดร่มแล้วค่ะ เหตุผลก็คือในช่วงกลางวัน แสงแดดจะแรงและอุณหภูมิสูง ซึ่งอาจทำให้ต้นกล้าที่เพิ่งย้ายและยังปรับตัวไม่ได้เกิดอาการเหี่ยวเฉาหรือช็อกได้ง่าย การย้ายในช่วงเย็นจะช่วยให้ต้นกล้ามีเวลาตลอดทั้งคืนในการฟื้นตัวและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ โดยที่ไม่มีแสงแดดจัดมารบกวน นอกจากนี้ดินที่เย็นลงในช่วงเย็นก็จะช่วยลดความเครียดให้กับรากของต้นกล้าด้วยค่ะ สำหรับการรดน้ำมะเขือเทศที่ปลูกในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อนถือเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ เพราะอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้น้ำในดินระเหยเร็ว ทำให้ดินแห้งง่าย หากปล่อยให้ดินแห้งนานเกินไป ต้นมะเขือเทศจะเหี่ยวเฉา ใบเหลือง และอาจถึงขั้นตายได้ ดังนั้น การรดน้ำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง โดยทั่วไปควรตรวจดูความชื้นของดินเป็นประจำ หากดินในกระถางเริ่มแห้ง โดยเฉพาะบริเวณผิวดิน ก็ควรรีบรดน้ำให้ชุ่มจนน้ำไหลออกมาจากรูระบายก้นกระถาง เพื่อให้มั่นใจว่ารากได้รับน้ำอย่างทั่วถึง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรดน้ำคือช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำจากการระเหยในช่วงกลางวันที่แดดแรงจัดนะคะ อย่างไรก็ตามการรดน้ำมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อต้นมะเขือเทศได้เช่นกัน เพราะจะทำให้ดินแฉะ รากเน่า และเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ วิธีสังเกตง่ายๆ คือ ถ้าดินยังเปียกชื้นอยู่ ก็ยังไม่จำเป็นต้องรดน้ำ ควรรอให้ผิวดินแห้งเสียก่อนแล้วค่อยรดค่ะ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบและลำต้นโดยตรงในช่วงที่แดดจัด เพราะหยดน้ำที่ค้างอยู่บนใบอาจทำหน้าที่เหมือนแว่นขยาย ทำให้เกิดรอยไหม้ได้ การรดน้ำที่โคนต้นจะช่วยให้พืชได้รับน้ำโดยตรงและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางใบได้ดีกว่า ดังนั้น การรดน้ำมะเขือเทศในกระถางช่วงหน้าร้อนจึงต้องใส่ใจทั้งปริมาณและความถี่ เพื่อให้ต้นมะเขือเทศได้รับน้ำอย่างเพียงพอและเจริญเติบโตได้ดีค่ะ การเลือกดินสำหรับปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อน ก็เป็นอีกหัวข้อที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตที่ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้ดินในกระถางแห้งเร็วกว่าปกติ ดินที่เราเลือกใช้จึงควรมีคุณสมบัติที่สามารถเก็บความชื้นได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการระบายน้ำที่ดีด้วย เพื่อป้องกันปัญหารากเน่าที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงที่มีความชื้นสูง ส่วนผสมของดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกมะเขือเทศในกระถางในช่วงหน้าร้อนโดยทั่วไปคือ ดินร่วนที่มีอินทรียวัตถุสูง เช่น ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า จะช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์และเก็บความชื้นได้ดี ดังนั้นการเตรียมดินปลูกมะเขือเทศในกระถางสำหรับหน้าร้อน ควรเน้นที่ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการเก็บความชื้นและการระบายน้ำที่ดี อาจจะใช้ดินสำเร็จรูปสำหรับปลูกผักที่มีขายทั่วไปเป็นพื้นฐาน แล้วปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุระบายน้ำตามสัดส่วนที่เหมาะสม การเลือกใช้ดินที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสภาพอากาศ จะช่วยให้ต้นมะเขือเทศของเราแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และให้ผลผลิตที่ดีได้ แม้จะต้องเผชิญกับความร้อนของฤดูร้อนก็ตามค่ะ โดยหลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อน แล้วอยากรู้ว่าจะได้เก็บกินเมื่อไหร่นั้น เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ตายตัวนักค่ะ เพราะระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ของมะเขือเทศที่เลือกปลูก ขนาดของผล สภาพอากาศ และการดูแลรักษาโดยรวม แต่โดยทั่วไปแล้ว มะเขือเทศจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากหยอดเมล็ดหรือย้ายกล้าประมาณ 60-90 วันนะคะ แต่สำหรับมะเขือเทศผลเล็ก เช่น พันธุ์เชอร์รี อาจจะเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่ามะเขือเทศผลใหญ่ แต่ในช่วงหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิสูง อาจจะส่งผลให้ระยะเวลาการเจริญเติบโตและติดผลเร็วขึ้นได้เช่นกันค่ะ แม้การปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านช่วงหน้าร้อนอาจต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่ก็มีประโยชน์หลายอย่างที่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไปค่ะ ข้อแรกที่เห็นได้ชัดคือการมีมะเขือเทศสดใหม่ไว้รับประทานเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ แถมยังมั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษ เพราะเราสามารถควบคุมการดูแลและไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้การได้เห็นต้นมะเขือเทศที่เราปลูกค่อยๆ เจริญเติบโต ออกดอก และติดผล ยังเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายได้อีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำสวน หรือต้องการมีกิจกรรมยามว่างที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกมะเขือเทศในกระถางยังเป็นการใช้พื้นที่ว่างหน้าบ้านให้เกิดประโยชน์ และยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณบ้านได้อีกด้วย แม้ผลผลิตที่ได้อาจจะไม่มากเท่ากับการปลูกลงดิน แต่ก็เพียงพอสำหรับการนำไปปรุงอาหารในครัวเรือนได้หลายเมนู ทำให้เราได้ลิ้มรสชาติของมะเขือเทศสดๆ จากต้น ซึ่งมักจะมีรสชาติดีกว่ามะเขือเทศที่เก็บไว้นานๆ หรือขนส่งมาจากแหล่งไกลๆ ดังนั้นการปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านในช่วงหน้าร้อน จึงเป็นทั้งกิจกรรมที่ให้ผลผลิตที่จับต้องได้ และยังเป็นวิธีสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณผู้อ่านคงจะพอมองภาพออกแล้วนะคะว่า การปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านในช่วงหน้าร้อนนั้นมีความสำคัญมากกว่าที่เราคิด เพราะนอกเหนือจากการได้มีผักสดๆ ไว้รับประทานเองแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือนได้อีกด้วย ในสถานการณ์ที่ราคาผักอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือการเข้าถึงผักสดอาจไม่สะดวก การมีมะเขือเทศที่เราปลูกเองก็เป็นแหล่งอาหารที่พึ่งพาได้ แถมยังมั่นใจในความปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนในผักที่เราซื้อมา นอกจากนี้การปลูกผักเองยังช่วยลดปริมาณขยะจากการขนส่งและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ และการปลูกมะเขือเทศในกระถางยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อีกด้วย การได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเพาะเมล็ด การดูแลต้นไม้ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นช่วงเวลาที่มีค่าและสร้างความผูกพันที่ดี นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้คนในครอบครัวได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของพืช และเห็นคุณค่าของอาหารที่เราบริโภคในแต่ละวัน ดังนั้นการปลูกมะเขือเทศในกระถางหน้าบ้านในช่วงหน้าร้อนจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การปลูกผัก แต่เป็นการสร้างประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับครัวเรือนเลยทีเดียวค่ะ ก็จบแล้วนะคะ กับเรื่องของการปลูกมะเขือเทศตอนอากาศร้อนๆ ที่โดยสรุปแล้วสามารถทำได้ค่ะ เพราะผู้เขียนได้ทำมาแล้ว และในขณะที่เขียนบทความนี้อยู่ หน้าบ้านก็มีต้นมะเขือเทศค่ะ มีหลายต้นพอสมควร ที่รอบนี้อาจปลูกถี่เกินไปหน่อย แต่ก็ยังได้ผลผลิตค่ะ โดยทุกวันผู้เขียนเป็นคนหลักในการดูแล ตั้งแต่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยคอก กำจัดวัชพืชและเก็บผลผลิต จึงได้มีโอกาสเห็นต้นมะเขือเทศในทุกช่วงอายุตั้งแต่แรกจนได้มะเขือเทศเป็นลูกๆ ค่ะ ที่เป็นการปลูกง่ายๆ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย เพิ่มธาตุอาหารพืชด้วยปุ๋ยคอกเป็นระยะๆ ซึ่งแนวทางเดียวกันนี้ คุณผู้อ่านก็สามารถทำตามได้แบบง่ายๆ เหมือนกันค่ะ ลองไปปลูกมะเขือเทศกันค่ะ ถึงจะร้อน เราก็ไม่กลัว ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่เกี่ยวข้องโดยผู้เขียน ปลูกชะพลูในกระถาง ให้งาม ดูแลง่าย ทำแบบไหนดี ปลูกมะเขือเปราะ ในกระถางหน้าบ้าน ทำได้จริงไหม? ปลูกต้นหอมด้วยหัวหอม ในกระถางหน้าบ้าน ทำไงดี เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !