TIPHปันผลระหว่างกาล50สต. เคลมน้ำท่วมไม่โหด-คัดงานอีวี

#TIPH #ทันหุ้น TIPH แจกปันผลระหว่างกาล 50 สตางค์ เผยแผนงานช่วงที่เหลือของปี ทิพยประกันภัย ยังคงเน้นคัดงานต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยเฉพาประกันรถอีวี แข่งขันสูง เบี้ยไม่คุ้มเสี่ยง ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมทางเหนือ-ใต้บางส่วน นั้นความเสียหายจำกัด เหตุไม่ท่วมขัง และเข้าพื้นที่อุตสาหกรรมแบบปี 2554

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวถึงแผนงานในช่วงที่เหลือของปี 67 ว่า ธุรกิจหลัก อย่างบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังคงเน้นการรับงานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะพอร์ตงานประกันรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มีการแข่งขันสูงในเรื่องของเบี้ยประกัน ขณะเดียวกันก็เป็นพอร์ตงานที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน สะท้อนจากลอสเรโช (Loss Ratio) ของประกันอีวีของธุรกิจประกันที่เกือบแตะ100% ทำให้

“จากข้อมูลของเราพบว่า รถอีวี และรถซ่อมห้างมีลอสเรโช หรืออัตราค่าสินไหมที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นเราจึงเน้นรับงานสองส่วนนี้อย่างระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าในช่วง 6 เดือนแรก เบี้ยรวมของเราลดลง 3.6% คิดเป็นเบี้ยอยู่ที่ 15,678 ล้านบาท  แต่กำไรจากการรับประกันไม่ได้ลดไปด้วย หากยังเพิ่มขึ้น 0.7 % หรือ มีกำไรจากการรับประกันอยู่ที่ 1,685 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขเบี้ยที่ลดลงก็เป้นความตั้งใจของเราในการบริหารความเสี่ยงจากการารับประกัน” ดร.สมพร กล่าว

*ลุ้นรัฐอนุมัติโปรเจกต์ใหม่

ดร.สมพร กล่าวต่อไปว่า บริษัทจะเน้นการเข้าไปรับงานประกันรถยนต์ในกลุ่มอื่น ๆ มากขึ้น รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากฟอร์มทีมรัฐบาลเสร็จเชื่อว่าจะเห็นการเร่งอนุมัติงานโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานประเทศในหลายโปรเจกต์ ส่วนนี้ก็จะทำให้บริษัทมีโอกาสเข้าไปรับงานในการประกันภัยความเสี่ยงต่างๆ ถือเป็นพอร์ตงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ ดร.สมพร ยังได้กล่าวถึงภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ และบางส่วนของภาคใต้ว่า จากการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบัน ภัยน้ำท่วมดังกล่าวยังไม่สร้างผลกระทบให้กับบริษัทประกันภัยหนักเท่ากับปี 2554 เนื่องจากการเดินทางของน้ำเป็นลักษณะน้ำหลาก ไม่ได้ท่วมขังเหมือนปี 2554 ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้ท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ หรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดังนั้นมองว่าเคลมสินไหมจากภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จะไม่สูงมากเท่ากับน้ำท่วมช่วงปี 2554

“ในส่วนของทิพยประกันภัยเอง ล่าสุดรายงานตัวเลขการเรียกเคลมสินไหมจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้อยู่ประมาณ 300กว่าเคลม โดยเป็นการแจ้งเคลมของประกันนอนมอเตอร์ 243 เคลม ประเมินสินไหมโดยรวมยังไม่ถึง 10 ล้านบาท และเป็นประกันรถ 67 เคลม ประเมินค่าสินไหมราว 2.8 ล้านบาทเท่านั้น”

*รับทรัพย์มีปันผล0.50บ.

ดร.สมพร ยังได้กล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 บอร์ด TIPH ได้อนุมัติปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 ก.ย. 2567 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 11 ก.ย. 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 ก.ย. 2567

ในส่วนของผลการดำเนินงานในครึ่งแรก ปี 2567 ทิพยประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 15,678 ล้านบาท ลดลง-3.6 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากนโยบายการคัดเลือกงานเข้าพอร์ตเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยกำหนดเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยง (Risk -Based Pricing) ส่งผลให้กำไรจากการรับประกันภัย อยู่ที่ 1,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรจากการลงทุนอยู่ที่ 431 ล้านบาท ลดลงประมาณ 10% เป็นผลจากความผันผวนของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 883 ล้านบาท ลดลงราว 15%

“ในแง่ของผลการดำเนินงานของเราถือว่า ดี เพราะกำไรจากการรับประกันสามารถควบคุมบริหารจัดการให้ขยายตัวได้ แม้ตัวเลขของเบี้ยรับรวมจะลดลง แต่ก็เป้นความตั้งใจของเราในการคัดงานที่มีคุณภาพ ส่วนกำไรจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าได้รับผลกระทบจาดความผันผวนของตลาดทุน จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งแรกแรกของเรากำไรสุทธิลดลง พร้อมกันนี้ TIPHก็มีกำไรสะสมที่แข็งแกร่ง โดยมีการจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น 50 สตางค์” ดร.สมพร กล่าว