Bloody Roar 4... แค่ได้ยินชื่อนี้ก็ทำให้อดคิดถึงเกมต่อสู้สุดมันส์ในยุค PlayStation 2 ไม่ได้จริงๆ! ภาพความทรงจำในวัยเด็กของผมเต็มไปด้วยฉากการต่อสู้สุดดุเดือด เสียงคำรามกึกก้อง และการแปลงร่างเป็นสัตว์ป่าสุดโหด ผมจำได้ว่าสมัยนั้น ร้านเกมแถวบ้านผมจะมีตู้ PS2 ตั้งอยู่ และ Bloody Roar 4 ก็เป็นหนึ่งในเกมยอดฮิตที่เด็กๆ (รวมถึงตัวผมเอง) มักจะแย่งกันเล่นอยู่เสมอ วันนี้ผมจะพาคุณย้อนรอยกลับไปสัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจของเกมนี้อีกครั้ง พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุม ตั้งแต่กราฟิก เกมเพลย์ ตัวละคร ไปจนถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมได้รับจากการตะลุยโลกแห่ง Bloody Roar 4! กราฟิกและเสียง : ดุเดือดสมจริงในแบบฉบับ PS2 ในยุคที่เกมสามมิติกำลังเริ่มเฟื่องฟู กราฟิกของ Bloody Roar 4 ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจทีเดียว โมเดลตัวละครแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้าย ล้วนได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียด เห็นรายละเอียดของกล้ามเนื้อ เส้นขน และแม้กระทั่งรอยแผลเป็น แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวก็ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การโจมตี หรือการแปลงร่าง ผมจำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกทึ่งมากที่เห็นตัวละครแปลงร่างเป็นสัตว์ ขนขึ้นฟูฟ่อง กล้ามเนื้อขยายใหญ่ ดูทรงพลังและน่าเกรงขาม เอฟเฟกต์ต่างๆ ในเกมก็ทำออกมาได้ดี เช่น เอฟเฟกต์ไฟ น้ำ หรือเลือด ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับการต่อสู้ ในส่วนของเสียงประกอบ Bloody Roar 4 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เสียงคำรามของเหล่าสัตว์ร้าย ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำรามของสิงโต เสือ หมาป่า หรือแม้กระทั่งเสียงขู่ฟ่อของแมว ล้วนถูกบันทึกมาอย่างสมจริง เสียงเอฟเฟกต์การต่อสู้ก็หนักแน่นสะใจ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหมัดกระทบเนื้อ เสียงกระดูกหัก หรือเสียงกรงเล็บข่วน ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นให้มากขึ้นไปอีก และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเสียงเพลงประกอบ ที่เร้าใจ กระตุ้นอะดรีนาลีน และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างลงตัว เกมเพลย์ : ง่าย เร็ว แรง สะใจ! Bloody Roar 4 เป็นเกมต่อสู้ที่เล่นง่าย ไม่ซับซ้อน แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกมต่อสู้มาก่อนก็สามารถสนุกกับเกมนี้ได้ ระบบการควบคุมตัวละครก็ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ปุ่มต่างๆ มีการจัดวางที่เหมาะสม ทำให้สามารถกดท่าโจมตีต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ เกมนี้มีความเร็วในการต่อสู้ที่สูงมาก ตัวละครเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว ทำให้การต่อสู้ดูดุเดือด เร้าใจ และไม่น่าเบื่อ จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Bloody Roar 4 ก็คือระบบ "Beast Drive" ที่ทำให้ตัวละครสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายได้ การแปลงร่างไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวละครเท่านั้น แต่ยังเพิ่มพลังโจมตี ความเร็ว และความทนทาน รวมถึงปลดล็อคท่าไม้ตายสุดอลังการ ที่สามารถพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้ได้ ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมชอบแปลงร่างเป็นสัตว์แล้วใช้ท่าไม้ตายใส่คู่ต่อสู้ รู้สึกสะใจมาก! นอกจากโหมด Arcade ที่ให้เราเล่นตะลุยด่าน ต่อสู้กับศัตรู และปลดล็อคตัวละครใหม่ๆ Bloody Roar 4 ยังมีโหมดอื่นๆ ให้เลือกเล่นอีกมากมาย เช่น โหมด Versus ที่ให้เราประลองฝีมือกับเพื่อนๆ โหมด Survival ที่ท้าทายความอึดของเราในการต่อสู้กับศัตรูแบบต่อเนื่อง โหมด Team Battle ที่ให้เราจัดทีมตัวละคร 3 ตัว เพื่อต่อสู้กับทีมคู่แข่ง และโหมด Training ที่ให้เราฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และท่าไม้ตายต่างๆ เรียกได้ว่า Bloody Roar 4 มีโหมดการเล่นที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นทุกประเภท ตัวละคร : สัตว์ป่าหลากหลาย พร้อมสไตล์การต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ Bloody Roar 4 มีตัวละครให้เลือกเล่นมากถึง 17 ตัว แต่ละตัวละครก็มีรูปลักษณ์ สไตล์การต่อสู้ และท่าไม้ตายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวอย่างเช่น Yugo มนุษย์หมาป่า มีพลังโจมตีที่สูง เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบบุกตะลุย Long มนุษย์เสือ มีความเร็วในการโจมตีสูง สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว Uriko มนุษย์แมว ตัวเล็ก ว่องไว และมีความสามารถในการโจมตีทางอากาศ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น Shenlong มนุษย์เสือโคร่ง ที่มีท่าโจมตีแบบกังฟู Stun มนุษย์แมลง ที่มีความสามารถในการปล่อยกระแสไฟฟ้า และ Busuzima มนุษย์กิ้งก่า ที่มีความสามารถในการพรางตัว สำหรับตัวละครในดวงใจของผม ก็คือ "Gado" มนุษย์สิงโตเจ้าป่า ผมชอบความแข็งแกร่ง ท่าโจมตีที่รุนแรง เสียงคำรามอันน่าเกรงขาม และบุคลิกที่ดูสุขุม นิ่งสงบ แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ผมจำได้ว่าตอนเล่น Gado ผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นราชาแห่งสัตว์ป่า ที่พร้อมจะขย้ำศัตรูให้แหลกเป็นชิ้นๆ ประสบการณ์ส่วนตัว : ความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่มีวันลืม Bloody Roar 4 เป็นมากกว่าเกมต่อสู้ธรรมดา แต่มันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำในวัยเด็กของผม ที่ผมจะไม่มีวันลืม ผมจำได้ว่าสมัยนั้น ผมกับเพื่อนๆ มักจะผลัดกันเล่นเกมนี้หลังเลิกเรียน บางครั้งเราก็เล่นแบบ協力กัน ช่วยกันต่อสู้กับศัตรูในโหมด Arcade บางครั้งเราก็แข่งกัน แย่งกันเล่นตัวละครที่ตัวเองชอบ และหัวเราะไปกับท่าทางตลกๆ ของตัวละครในเกม ผมจำได้ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกับเพื่อนเล่นโหมด Versus กัน แล้วผมดันไปใช้ท่าไม้ตายใส่เพื่อนจนแพ้ เพื่อนผมโกรธมาก ถึงขั้นงอนกันไปหลายวัน แต่สุดท้าย เราก็กลับมาเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม Bloody Roar 4 เป็นเกมที่ทำให้ผมได้เรียนรู้มิตรภาพ การแบ่งปัน และการให้อภัย จุดเด่น กราฟิกและเสียงประกอบที่ยอดเยี่ยม สมจริง และช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่น เกมเพลย์ที่เข้าใจง่าย สนุก เร้าใจ และมีความเร็วในการต่อสู้ที่สูง ตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรูปลักษณ์ สไตล์การต่อสู้ และท่าไม้ตาย ระบบการแปลงร่างที่เพิ่มความสนุก ความหลากหลาย และความท้าทายในการต่อสู้ โหมดการเล่นที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นทุกประเภท จุดด้อย โหมดเนื้อเรื่องอาจจะสั้นไปสักหน่อย ทำให้ผู้เล่นอาจจะไม่ได้สัมผัสกับเนื้อหาของเกมอย่างเต็มที่ บางตัวละครอาจจะดูไม่สมดุลกัน ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการต่อสู้ สรุป Bloody Roar 4 เป็นเกมต่อสู้ที่สนุก เร้าใจ และเต็มไปด้วยความทรงจำ...ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ มันมอบประสบการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือด เร้าใจ และสนุกสนาน พร้อมกับตัวละครที่หลากหลาย และระบบการแปลงร่างที่เป็นเอกลักษณ์ แม้กราฟิกอาจจะดูล้าสมัยไปบ้างในปัจจุบัน แต่ Bloody Roar 4 ก็ยังคงเป็นเกมที่ควรค่าแก่การหวนกลับไปเล่น เพื่อรำลึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก หรือเพื่อสัมผัสกับความสนุกแบบคลาสสิก ที่หาไม่ได้จากเกมต่อสู้ยุคใหม่ ความทรงจำที่ยังคงเดือดพล่าน ทุกครั้งที่ผมได้ยินเพลงประกอบของ Bloody Roar 4 หรือเห็นภาพตัวละครแปลงร่าง มันจะพาผมย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสุขในวัยเด็ก ที่ผมได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆ หัวเราะ สนุกสนาน และแข่งขันกัน Bloody Roar 4 ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม ที่ผมจะไม่มีวันลืม ผมหวังว่า Konami จะนำ Bloody Roar กลับมาอีกครั้ง ในรูปแบบ Remake หรือภาคต่อ บนเครื่องเกมยุคใหม่ ด้วยกราฟิกที่สวยงาม ระบบการเล่นที่ทันสมัย และคงเอกลักษณ์ของเกมเอาไว้ ผมเชื่อว่า แฟนๆ Bloody Roar หลายคน ก็คงรอคอยวันนั้นอยู่เช่นกัน ท้ายที่สุดนี้ ผมขอให้คะแนน Bloody Roar 4 9/10 ครับ แถมท้าย : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ Bloody Roar 4 Bloody Roar 4 วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2003 บนเครื่อง PlayStation 2 เกมนี้เป็นภาคสุดท้ายในซีรีส์ Bloody Roar ก่อนที่ Konami จะยุติการพัฒนา ตัวละคร "Mana" ในเกมนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "Mana" นักร้องนำวง "Malice Mizer" วง Visual Kei ชื่อดังของญี่ปุ่น Bloody Roar 4 เคยถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะ ชื่อว่า "Bloody Roar: The Fang" จำนวน 13 ตอน ออกอากาศในปี 2003 หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังสนใจ หรืออยากรำลึกความหลังกับ Bloody Roar 4 นะครับ! ใครที่เคยเล่นเกมนี้ มาแชร์ประสบการณ์ ตัวละครที่ชอบ หรือความทรงจำเกี่ยวกับเกมนี้กันได้นะครับ! เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !