นายกฯห่วงป่วยโควิดปอดอักเสบสูง "แพกซ์โลวิด"ถึงไทยเม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการลดอัตราการติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตให้ต่ำที่สุด ภายใต้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาด และจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงสูงขึ้น และเป็นห่วงผู้ป่วยติดเชื้อโดยเฉพาะผู้ป่วยปอดอักเสบที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลขณะนี้มีจำนวนสูงถึง 1,432 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 18 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 25.9 ซึ่งจากรายงานผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
รวมถึงคนที่มีโรคประจำตัว สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม หรือไม่ได้รับวัคซีน ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 หรือได้รับวัคซีนครบ สามารถลดการติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้ นายกฯจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน รวมไปถึงให้เร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และฉีดวัคซีนสำหรับเด็กให้ทั่วถึงให้ได้มากที่สุด
เพจเฟซบุ๊กศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงแผนการจัดซื้อยาสำหรับนำมารักษาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในระยะถัดไปหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 2 ล้านเม็ด หรือ 50,000 คอร์สการรักษา เตรียมกระจายลงไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เน้นจ่ายยาให้กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรังเป็นอันดับต้นๆ โดย ศบค.ระบุว่า กระทรวงสาธารณาสุข (สธ.) เตรียมนำเข้ายาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยาอีก 1 ตัว ที่จะนำมาใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยตรงภายในกลางเดือนเมษายนนี้ โดยยาดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาล ได้ประมาณร้อยละ 88
ขณะที่ นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการเเพทย์ กล่าวถึงยาแพกซ์โลวิดที่กำลังดำเนินการจัดหาเข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ตัวที่ 4 ว่า มีกลไกการออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ทำให้เชื้อลดจำนวนลง ไม่สามารถเกิดผลกับโรคได้ ประสิทธิภาพช่วยลดความเสี่ยงการนอน รพ.ลงร้อยละ 88 กรณีให้ยาภายใน 5 วันหลังมีอาการ แต่มีข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร