[ Social Distancing อาวุธไม่ลับปราบ COVID-19 ] ข่าวกรุงเทพฯ ปิดห้างเต็มหน้าพื้นที่ข่าวทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ชาวกรุงเทพฯ รู้ข่าวแทบจะวินาทีเดียวกัน จากนั้นก็ออกเดินทางไปห้างใกล้บ้านด้วยความเร็วปานจรวด ไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้วภาวะการสำรองอาหารมาถึง ใครเงินเดือนยังไม่ออกก็คงต้องกด ATM เบิกเงินเก็บมาซื้อของ ประมาณว่าเวลาเฉพาะหน้าสำคัญเหนือเวลาอื่นใด พร้อมกันก็เริ่มตระหนักพรุ่งนี้ไม่มีจริง แล้วสัญญากับตัวเองว่าจะขอเลิกผัดวันประกันพรุ่ง เพราะไม่มีพรุ่งให้ประกันอีกแล้ว ส่วนคนไม่มีเงินเดือนก็เริ่มเขย่ากระปุกออมสิน หมายเหตุ ถ้ามี ทันที่ผ่านประตูลื่นเข้าไปก็เจอพนักงานขอตรวจอุณหภูมิพร้อมเจลให้ล้างมือ ทุกคนพุ่งตรงไปยังชั้นวางสินค้าที่ต้องการ ก่อนจะพบว่านอกจากพรุ่งนี้จะไม่มีแล้ว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ไม่มีแล้วด้วย นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ชี้ชัดได้ว่าคนกรุงเทพฯ มีใจเดียวกัน ผมยกมือถือถ่ายรูปชั้นที่โล่งโจ้งพร้อมกับหญิงสาวผู้พลาดหวังจากบะหมี่เช่นกัน เราพยายามระวังไม่ให้ใครติดกลับบ้านด้วยรูปถ่าย กดชัตเตอร์แล้วก็ส่งยิ้มให้กันใต้หน้ากากที่อำพรางรอยยิ้ม แต่ที่รู้เพราะประกายในดวงตา เด็กแว้นเข็นรถกันวุ่นวายไปหมด กว่าผมจะผละออกจากชั้นบะหมี่ไปชั้นน้ำพริกเผาได้ก็ต้องใช้สติขั้นสูง พอไปถึงที่ที่เชื่อว่ามันเคยเป็นที่วางน้ำพริกเผาแต่บัดนี้ไม่พบหลักฐานการมีอยู่ ถึงกับเผลออุทานในหน้ากาก [เฮ้ย! น้ำพริกเผายังหมด] เพิ่งรู้ว่าคนกรุงเทพฯ ชอบกินต้มยำกุ้งน้ำข้นเหมือน ๆ กัน แต่ของผมตั้งใจเอาไปทาขนมปัง บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรกินขนมปังเปล่าก็ได้ ว่าแล้วก็พุ่งไปแผนกเบเกอรี่ [หมด!] เป็นอันว่าขนมปังเปล่าก็ไม่ได้กิน ช่วงตัดสินใจว่างั้นจะซื้ออะไรไปเก็บไปกินดี ก็เจอข่าวใหม่ [การปิดห้างในกรุงเทพฯ ยังไม่ชัดเจน] แต่ถอนหายใจยังไม่ทันสุด ก็เจอข่าวใหม่กว่า [ห้างปิดจริง แต่ส่วนของสดกับของใช้เปิด] รายละเอียดยังไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้สติตกแตกเกือบละเอียดแล้ว ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ คือตัดสินเดินไปดูเหตุการณ์หน้าเคาน์เตอร์อีกที จะต้องเป็นวันเงินเดือนออกเคาน์เตอร์จ่ายเงินถึงจะโกลาหลอย่างนี้ เหตุผลคือเงินเยอะก็ซื้อเยอะ ซื้อเยอะก็ต้องใช้รถเข็น ใช้รถเข็นแปลว่าของเยอะ ของเยอะจึงคิดเงินช้า คิดเงินช้ารถจึงติด แต่นี่อีกตั้งหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน แล้วมันเป็นเพราะอะไร คำตอบแรก คงเพราะ COVID-19 แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่านี่คือ คำตอบเดียว สำหรับภาพความโกลาหลที่เห็น มันมีอย่างอื่นด้วยได้ไหม เช่น เพราะการรับรู้ข่าว หรือไม่ก็เป็นเพราะความรู้เรื่อง COVID-19 ที่ไม่ดีพอ หันมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าคำเตือนเรื่องระยะห่างทางสังคม Social Distancing ล้มเหลวสิ้นเชิง ทั้งที่มันอาจเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด ณ เวลานี้ ก่อนออกจากห้างมือเปล่า ผมขอให้พนักงานวัดอุณหภูมิให้ผมอีกที เลขที่ออก 33.4 องศา ตัวเลขช่างสวยเก๋ อีกไม่นานจะรู้ว่านอกจากสวยเก๋แล้วมันจะมีมูลค่าให้นำไปบริจาคโรงพยาบาลเพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจได้ด้วยหรือไม่ ขอกลับไปมีส่วนร่วมปราบ COVID-19 ด้วยอาวุธไม่ลับ Social Distancing ดีกว่า และขณะออกจากห้างก็มีข่าวใหม่ [ ร้านสะดวกซื้อเปิดตามปกติทุกประการ ] [ ทุกภาพโดย : f i l e b y N o r ]