DJI เปิดตัว Matrice 400 โดรนรุ่นใหม่ บินได้นานบรรทุกหนัก ทำหลายได้หลายภารกิจ

บริษัท DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ของโลก เปิดตัวโดรนระดับองค์กรรุ่นล่าสุด Matrice 400 ซึ่งออกแบบมาสำหรับการใช้งานหนัก ๆ หลายภารกิจโดยเฉพาะ เช่น งานก่อสร้าง การวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน และภารกิจช่วยเหลือฉุกเฉิน 

จุดเด่นของโดรนรุ่น Matrice 400 อยู่ที่ตรงที่สามารถบินได้นานถึง 59 นาที และบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุด 6 กิโลกรัม เพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Matrice 350 ที่บินได้นาน 55 นาที และรับน้ำหนักได้เพียง 2.72 กิโลกรัม

การออกแบบโครงสร้างแข็งแรง ทนทานสูง ตัวโดรนใช้วัสดุผสมคาร์บอนไฟเบอร์และโลหะเกรดอุตสาหกรรมเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงและการใช้งานในสภาพอากาศเลวร้าย

ขาตั้งแบบยืดหยุ่น (Retractable Landing Gear) ช่วยเพิ่มมุมมองกล้องให้กว้างขึ้น และช่วยให้สามารถหมุนกล้องได้โดยไม่ติดสิ่งกีดขวางจากตัวโครงสร้าง

ระบบไฟ LED สีเขียวที่ปลายแขนใบพัด ช่วยให้ระบุทิศทางและตำแหน่งของโดรนได้ง่ายในสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืน มาตรฐาน IP55 ป้องกันฝุ่นและน้ำ เหมาะสำหรับการบินในสภาพอากาศฝนตกหรือพื้นที่ฝุ่นมาก

แม้การบรรทุกสูงสุดจะลดเวลาใช้งานเหลือประมาณ 31 นาที แต่ยังถือว่าน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างตัวโดรนหนักถึง 9.7 กิโลกรัม ตัวเครื่องยังบินได้เร็วถึง 25 เมตรต่อวินาที หรือราว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทนทานต่อสภาพอากาศรุนแรงด้วยมาตรฐาน IP55 รวมถึงอุณหภูมิตั้งแต่ -20 องศาเซลเซียส ถึง 50 องศาเซลเซียส

โดรน Matrice 400 มาพร้อมเซนเซอร์ไลดาร์ (LiDAR) และระบบการมองเห็นรอบตัว สามารถบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางในที่มืดได้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ อาคาร หรือสภาพแวดล้อมซับซ้อน จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในหลายภารกิจ เช่น การเฝ้าระวัง การค้นหาและกู้ภัย การติดตามฝูงชน รวมถึงการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานอย่างสายไฟฟ้า กังหันลม และท่อส่งน้ำมัน

โดรนยังรองรับการติดตั้งกล้องหลายชนิด เช่น กล้องสำรวจภูมิประเทศ กล้องถ่ายภาพความร้อน และไฟสัญญาณ พร้อมส่งภาพวิดีโอได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร อีกทั้งสามารถทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้โดรนลำอื่นได้อีกด้วย

บริษัท DJI ยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แต่คอมโบพื้นฐานที่ประกอบด้วยตัวโดรนและรีโมต RC Plus 2 Enterprise Enhanced วางจำหน่ายแล้วในสหราชอาณาจักรที่ 11,250 ปอนด์ หรือราว 15,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 554,800 บาท ซึ่งถูกกว่ารุ่น Matrice 350 อยู่หลายร้อยดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ราคาจะสูงขึ้นหากเพิ่มอุปกรณ์เสริม เช่นกล้องสำรวจ Zenmuse P1 ซึ่งมีราคาสูงถึง 8,235 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 300,577 บาท