พูดถึงเกม RPG ญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง "Dragon Quest" แน่ๆ แล้วภาคที่เรียกว่าเป็นตำนาน สร้างชื่อให้ซีรีส์นี้โด่งดังไปทั่วโลก ก็ต้องยกให้ "Dragon Quest III" นี่แหละ (ชื่อเต็มๆ คือ "Dragon Quest III: Seeds of Salvation" ) วันนี้เราจะไม่ได้ไปไหนไกล แต่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปสัมผัสภาคนี้กันอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเวอร์ชั่น Game Boy Color (GBC) นะ มาดูกันว่าการผจญภัยในรูปแบบพกพามันจะเจ๋งแค่ไหน พร้อมเล่าประสบการณ์ส่วนตัว แบบที่เล่นไปรู้สึกไปยังไง มาเล่าสู่กันฟัง! กราฟิก: โลก 8-bit สุดคิวท์ เปิดเกมมา ภาพแรกที่เห็นก็คือ กราฟิก 8-bit แบบเกมยุคเก่า แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้แย่เลยนะ มันน่ารัก มีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก สีสันก็สดใส ตัวละคร มอนสเตอร์ ฉากต่างๆ ถึงจะดูเหลี่ยมๆ แต่ก็ดูออกว่ามันคืออะไร ทีมพัฒนาเขาเก่งนะ ที่ทำให้เกมบนเครื่องที่มีข้อจำกัดเยอะ ออกมาดูดีขนาดนี้ แผนที่ในเกมก็กว้างใหญ่ มีทั้งเมือง หมู่บ้าน ถ้ำ ปราสาท ให้เดินสำรวจกันเพลิน รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซีจริงๆ ตอนผมเล่นครั้งแรก รู้สึกว้าวกับเมือง Aliahan เมืองเริ่มต้นของเรามาก บ้านเรือนน่ารัก ผู้คนเดินไปมา มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างบ่อน้ำ ร้านค้า ทำให้เมืองดูมีชีวิตชีวา ส่วนดีไซน์มอนสเตอร์ก็น่ารัก (ถึงบางตัวจะแอบน่ากลัว) ที่สำคัญคือ Slime มอนสเตอร์หน้าตาบ๊องแบ๊วประจำซีรีส์ ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงจะอยู่ในรูปแบบ 8-bit ก็ตาม ระบบการเล่น: RPG แท้ๆ เล่นง่ายแต่ท้าทาย Dragon Quest III บน GBC ยังคงเป็น RPG แบบดั้งเดิม คือ เดินสำรวจ คุยกับ NPC ต่อสู้ ระบบต่อสู้ก็เป็นแบบ Turn-based ง่ายๆ คือผลัดกันตี เราก็เลือกคำสั่งเอาว่าจะโจมตี ใช้เวทมนตร์ ใช้ไอเทม หรือป้องกัน ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เอาจริงก็ต้องคิดนะ ต้องวางแผน เลือกใช้ท่าให้ถูก ดูว่าศัตรูแพ้ทางอะไร ที่ผมชอบมากๆ ในภาคนี้คือระบบอาชีพ เราสามารถเปลี่ยนอาชีพให้ตัวละครได้ แต่ละอาชีพก็เก่งคนละแบบ มีสกิลไม่เหมือนกัน จะเล่นสายบู๊ สายเวทย์ หรือผสมผสานก็แล้วแต่เรา ผมใช้เวลาลองเล่นหลายอาชีพมาก พยายามหาสกิลเจ๋งๆ มาคอมโบกัน มันสนุกและท้าทายดี ทำให้เกมมันเล่นได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ การเดินทางในเกมก็คือ เดินสำรวจแผนที่โลกใบใหญ่ๆ หาเมือง หมู่บ้าน ถ้ำ ปราสาท ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะเจอ NPC ให้เควสเราทำ บางเควสก็ง่ายๆ แค่ไปคุยกับคนนั้นคนนี้ แต่บางเควสก็ยาก ต้องไปหาของ ไปตีมอนสเตอร์หายาก จำได้ว่ามีเควสนึง ให้ไปหาของในถ้ำลึก ซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์โหดๆ ผมต้องฟาร์มเลเวล เก็บของ เตรียมตัวอยู่นานกว่าจะผ่านได้ แต่พอทำได้นี่โคตรฟิน รู้สึกคุ้มค่ากับที่เหนื่อยมา เนื้อเรื่อง: การผจญภัยสุดคลาสสิก ที่ยังสนุกอยู่ เนื้อเรื่องของ Dragon Quest III ก็เกี่ยวกับตำนานผู้กล้า Erdrick เราจะเล่นเป็นลูกของ Ortega นักรบผู้กล้าที่หายตัวไประหว่างสู้กับจอมมาร Baramos เราก็ต้องออกเดินทางตามรอยพ่อ รวบรวมพรรคพวก เตรียมตัวสู้กับ Baramos ที่กำลังจะกลับมา เนื้อเรื่องอาจจะดูเรียบๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่เชื่อเถอะว่ามันสนุก ระหว่างทางเราจะได้สร้างมิตรภาพผ่านการรวมทีมกับพรรคพวกที่เราสร้างขึ้นมาเอง แม้พวกเขาจะไม่มีบทพูด หรือภูมิหลังที่ชัดเจน แต่การร่วมผจญภัย ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ทำให้ผู้เล่นอย่างเรารู้สึกผูกพันกับพวกเขาได้ไม่ยาก ตอนผมเล่น ผมรู้สึกผูกพันกับเพื่อนๆ ในตี้มาก เพราะผมเป็นคนเลือกอาชีพ อัปเกรดความสามารถ และเห็นพวกเขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ จากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน แม้พวกเขาจะไม่มีบทพูด ไม่มีเนื้อเรื่องอะไร แต่การที่เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน มันก็ทำให้เกิดความผูกพันแบบบอกไม่ถูก พอถึงฉากสำคัญๆ อย่างตอนสู้กับ Baramos นี่ลุ้นสุดๆ เอาใจช่วยแบบสุดพลัง เหมือนได้เห็นเพื่อนที่เราปั้นมากับมือกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ เพลงประกอบ: ฟังแล้วฮึกเหิม อยากออกไปลุย! เพลงประกอบของ Dragon Quest III นี่เป็นผลงานของ Koichi Sugiyama คนนี้เขาแต่งเพลงให้ซีรีส์นี้มาตลอด เพลงในภาคนี้ก็เพราะ ยิ่งใหญ่ ฟังแล้วติดหู ตั้งแต่เพลงธีมหลัก เพลงเมือง เพลงต่อสู้ คือมันเข้ากับบรรยากาศในเกมสุดๆ ผมยังจำเพลง "Adventure" เพลงธีมหลักของภาคนี้ได้แม่น ฟังทีไรก็รู้สึกฮึกเหิม อยากออกไปผจญภัย เพลงตอนต่อสู้ก็เร้าใจ ฟังแล้วอยากกดรัวๆ ส่วนเพลงในเมืองก็ฟังสบาย ชิลๆ เพลงประกอบนี่แหละ เป็นอีกอย่างที่ทำให้ Dragon Quest III มันกลายเป็นตำนาน และยังอยู่ในใจของแฟนๆ มาจนถึงทุกวันนี้ สรุป: กลับมาเล่นอีกกี่ทีก็ยังสนุก! Dragon Quest III บน GBC เป็นการเอาเกม RPG ระดับตำนานมาลงเครื่องพกพา ถึงกราฟิกจะดูเก่าๆ แต่ก็น่ารัก มีสไตล์ ระบบการเล่นก็เป็น RPG แบบที่แฟนๆ คุ้นเคย เนื้อเรื่องก็สนุก เพลงก็เพราะ การได้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้ง เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนเด็กๆ รู้สึกถึงความสนุก ความตื่นเต้น แบบตอนนั้นเลย สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น ผมแนะนำให้ลองดู คุณจะได้ผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดคลาสสิก ที่เล่นแล้วจะต้องติดใจแน่นอน ส่วนใครที่เป็นแฟนเกมนี้อยู่แล้ว การได้กลับมาเล่นบน GBC ก็เหมือนได้กลับบ้าน ได้เจอเพื่อนเก่า ได้ทำอะไรที่คุ้นเคย มันเป็นความรู้สึกที่ดี อบอุ่น และสนุกมากๆ เหมือนได้กลับไปสัมผัสการผจญภัย มิตรภาพ และความกล้าหาญ อีกครั้งหนึ่ง ในโลกของ Dragon Quest III นั่นเอง! เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !