โควิดไวรัสตัวร้ายที่ทำลายทุกอย่างไปทั่วโลกในขณะนี้ ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกเราต้องสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์อีกนับไม่ถ้วน เพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 มันไม่ได้ทำลายแค่ชีวิตผู้คนเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก การท่องเที่ยว ส่งออก และที่เลวร้ายไปกว่านั้น มันส่งผลโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายประเทศต้องประกาศนโยบายปิดประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด จะออกไปไหนมาไหนก็ยากลำบาก อาหารการกินก็ต้องกินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ราคาของกินของใช้ก็ขยับแพงขึ้นเป็นเท่าตัว โอ้ยยิ่งคิดยิ่งเครียด แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ งั้นเราลองมาผ่อนคลายความเครียด ด้วยการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสกันดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เครียดมากไปกว่านี้ ลองเปลี่ยนมุมมองหาข้อดีที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตินี้ เพื่อเติมกำลังใจและรอยยิ้มให้กับตัวเองบ้าง ข้อคิดดี ๆ ที่มีให้เราได้เห็นและได้เรียนรู้ในภาวะที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด 1. ทำให้เราตื่นตัวในการรักษาความสะอาด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ประโยคนี้ถูกหยิบขึ้นมาพูดเพื่อเตือนสติเราให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพอนามัยกันมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาความสะอาดของมือ เพราะมือคือตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายที่สุด ทุกคนทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือล้างด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที แยกของใช้ส่วนตัวอย่างชัดเจน เลือกกินอาหารที่ปรุงร้อนสุกใหม่ และใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้ป้องกันได้แค่โควิดเพียงอย่างเดียว แต่มันยังรวมไปถึงการป้องกันตัวเราเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ อีกด้วย ภาพโดยผู้เขียน 2. ได้หยุดงานพักผ่อนโดยไม่ต้องลา จะว่าไปทำงานทุกวันมันก็น่าเบื่อนะ คงมีคนส่วนน้อยที่มีความสุขมาก ทุกครั้งที่ได้แต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน 80% น่าจะเป็นกลุ่มที่คิดวนเวียนอยู่ในหัวว่า วันจันทร์อีกแล้วหรอ เมื่อไหร่จะถึงวันศุกร์สักทีจริงไหมคะ ยิ่งถ้าเป็นแรงงานที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาทำงานในเมือง ต้องจากพ่อ จากแม่ ทิ้งลูกน้อยให้รอคอยอยู่ที่ต่างจังหวัด พวกเค้าคงอยากจะมีวันหยุดยาว ๆ เพื่อกลับไปหาอ้อมกอดของคนที่เค้ารัก แต่ครั้นจะลางานไปก็ขาดรายได้แถมเสียประวัติอีก ช่วงนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาดีที่พวกเค้าจะได้กลับไปหาครอบครัว โดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะโดนหัวหน้างานบ่น โดนหักเบี้ยขยัน หรือเสียวันลาโดยไม่จำเป็น อยู่บ้านกับครอบครัวให้สบายใจ โควิดคลี่คลายเมื่อไหร่ค่อยกลับมาสู้งานใหม่นะคะ ขอบคุณภาพจากPixabay 3. ได้เห็นน้ำใจคนไทย ผู้เขียนรู้สึกดีลึก ๆ ในใจทุกครั้งที่บ้านเมืองเราเกิดวิกฤติ สิ่งหนึ่งที่มันเกิดขึ้นให้เราได้เห็นพร้อมกับวิกฤติเสมอคือ คนดีมีน้ำใจที่ถูกซ่อนตัวอยู่ในสังคม ได้ออกมาเปิดเผยตัวตนให้เราได้พบเห็น ให้เราชื่นใจ คนที่พร้อมจะแบ่งปันทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดี คนธรรมดาที่ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โต ไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่เป็นคนธรรมดาที่น่ายกย่องนับถือน้ำใจยิ่งนัก ผู้เขียนได้อ่านเจอหลายโพสต์ หลายแชร์ ในโซเชียล สำหรับเหตุการณ์ความน่าประทับใจเหล่านี้ เช่น หนุ่มเจ้าของร้านโชห่วย ที่มายืนรอโบกแท็กซี่ทุกคันที่ขับผ่านหน้าร้าน เพื่อแจกข้าวสารที่เค้าแพ็คใส่ถุงเตรียมไว้ ภาพของผู้คนที่นำหน้ากากอนามัยมาบริจาคให้แก่โรงพยาบาล หรือแฮชแท็กในเฟสบุ๊คที่ส่งต่อท้าเพื่อบริจาคคนละ 20 บาทสมทบทุนในการซื้อเครื่องช่วยหายใจ ให้แก่โรงพยาบาล ในสถานการณ์เช่นนี้ ประเทศไทยไม่ไร้ซึ่งคนดีจริง ๆ ทุกครั้งที่ได้อ่านได้พบเจอกับสถานการณืแบบนี้ มันทำให้ผู้เขียนปลื้มใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทุกทีค่ะ ภาพโดยผู้เขียน 4. ได้รับความรู้ และวิธีการป้องกันตัวเกี่ยวกับเชื้อไวรัส ก่อนหน้านี้หลายคนคงไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด เพราะมันไม่ใช่ส่วนงานของเรา และคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ แต่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดรุนแรงขึ้น ทุกคนให้ความสนใจในการติดตามข่าวสาร แนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทำให้เราได้รับความรู้ที่ถูกต้อง เช่น เชื้อไวรัสโควิดคือโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากมีภาวะแทรกซ้อนอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ ติดต่อได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ทางปาก จมูก รูน้ำตา เชื้อตัวนี้สามารถรปนเปื้อนอยู่กับสิ่งต่าง ๆ นอกร่างกายได้นาน 9 วัน เชื้อสามารถตายได้ในอุณภูมิความร้อนที่สูงในระดับหนึ่ง รู้ถึงวิธีป้องกันว่าต้องทำอย่างไร เช่น ล้างมือทุกครั้งด้วยแอลกอฮอล์เจล แอลกอฮอลสเปรย์ หรือล้างด้วยสบู่นาน 20 วินาที ก่อนหยิบอาหารรับประทาน ก่อนนำมือไปขยี้ตา สวมใส่หน้ากากอนามัย งดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ขอบคุณภาพจากPixabay 5. ได้ลิ้มลองเมนูแปลกใหม่ เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติทุกคนจึงไม่ออกไปทานอาหารข้างนอก แต่เลือกกักตุนอาหารไว้เพื่อทำทานเองที่บ้าน ซึ่งอาหารที่กักตุนส่วนมากก็จะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน เช่น มาม่า ปลากระป๋อง นม ไข่ แต่การทานอาหารพวกนี้แบบเดิม ๆ มันทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จึงมีคนครีเอทเมนูแปลกใหม่จากอาหารที่นำมากักตุนเหล่านี้ เช่นเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในญี่ปุ่นคือ เมนูข้าวผัดมาม่า เป็นการนำมาม่ารสต่าง ๆ มาผัดรวมกับข้าว ใส่วัตถุดิบง่าย ๆ ที่หาได้ในตู้เย็น นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายเมนู อาทิมาม่าผัดกระเพรา ไข่ตุ๋นวุ้นเส้น ต้มเส้นปลากระป๋อง ผู้เขียนลองทำทานดูแล้วบางเมนู คอนเฟริ์มว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้อาหารในร้านเลยหละค่ะ ลองทำทานกันดูนะคะ ใครลองทำทานแล้วก็อย่าลืมมารีวิวให้ฟังกันบ้างนะ ภาพโดยผู้เขียน 6. สร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนบางสายอาชีพ ที่ผู้เขียนกล่าวแบบนี้ก็เพราะว่า มีพนักงานบางส่วนต้องหยุดงานเพราะบริษัทสั่งหยุด แต่มีคนในสายอาชีพหนึ่งที่งานล้นมือ แทบไม่มีเวลาหยุดพักเลย อาชีพนั้นก็คือช่างเย็บผ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่างหน้าเก่าหน้าใหม่ ในช่วงสถานการณ์โควิดกำลังระบาด สิ่งที่มีความจำเป็นที่สุดคือผ้าปิดปาก หรือหน้ากากอนามัยนั่นเอง แต่ด้วยกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยแบบกระดาษ มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งประเทศ ผู้คนจึงหันมาใช้หน้ากากแบบผ้าแทน อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ประสิทธิภาพ จะไม่มากเท่าหน้ากากอนามัยชนิดกระดาษ หรือชนิดN95 แถมราคาถูกกว่าหน้ากากอนามัยแบบกระดาษหลายเท่าตัว ดังนั้นช่างเย็บผ้าซึ่งมีอาชีพเย็บผ้าเป็นงานหลักอยู่แล้ว ช่วงนี้ต้องมาเร่งเย็บหน้ากากผ้าเพื่อส่งให้ลูกค้า ที่มีออเด้อเข้ามาอย่างล้นหลามในช่วงนี้ หรือบางคนว่างงานไม่มีงานทำเป็นผู้มีรายได้น้อย ก็หันมาเย็บหน้ากากผ้าขายเป็นรายได้เสริมอีกทางช่องหนึ่ง เผลอ ๆ มันอาจจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับคนเย็บเลยก็เป็นได้ค่ะ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสเราจะไม่พลาดสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่เสมอ ภาพโดยผู้เขียน 7. ได้ถอดบทเรียนเกี่ยวกับโรคระบาด จากสถานการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงแนวทางในการปรับตัวรับมือ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เช่น การทำหน้ากากอนามัยใช้เอง การทำแอลกอฮอล์เจลแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลในการฆ่าเชื้อ เตรียมข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการป้องกันตนเอง ไม่ตื่นกลัวจนเกินไปสามารถวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้นได้ รู้จักแนวทางในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ภาพโดยผู้เขียน สถานการณ์โควิดในครั้งนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับทั่วโลก แต่หากเราลองมองเข้าไปให้ทะลุถึงแก่นแท้ จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์ที่เลวร้ายมักมีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่เช่นกัน เพียงแค่เรามีสติอย่ากังวลกับมันมากเกินไป คิดวิเคราะห์ให้รอบด้านด้วยเหตุและผลของมัน ก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้น มีรอยยิ้มและกำลังใจที่จะสู้ต่อไป และผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดีค่ะ ภาพปกจากPixabay