โควิดอยู่กับเรามาเกือบจะ 3 ปีเต็ม กลายพันธุ์บ่อยครั้งจนไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน ล่าสุดที่อ่านข่าวคือมีลูกผสมระหว่างสายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอน ที่เรียกว่า เดลต้าครอน ซึ่งวงการแพทย์ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะตัวนี้จะรุนแรง และร้ายแรงขนาดไหน ผู้เขียนเองทำงานอยู่ต่างประเทศ ที่สวีเดน และป่วยโควิดรอบนี้เป็นรอบที่ 2 ซึ่งก็ดูแลและรักษาตัวเองแบบ Home Isolation ทั้งสองครั้ง โดยครั้งนี้เริ่มป่วยตั้งแต่วันพุธ ที่ 9 ถึง อังคารที่ 15 เดือนมีนาคม ทั้งนี้ผู้เขียนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม คือเข็มแรก แอสตร้าเซเนก้า และเข็มที่สองไฟร์เซอร์ ส่วนเข็มที่สามกำลังรอคิวที่จะฉีด และก่อนผู้เขียนจะเริ่มป่วย ได้ไปสัมผัสกับผู้มีอาการ โดยคน ๆ นั้น ไอใส่หน้า และผู้เขียนใส่เพียงแค่แมสสีเขียวแบบที่ใช้ในการผ่าตัด ซึ่งสินค้าก็มี อย. รับรองถูกต้อง แต่ก็ป่วยจนอีกครั้งจนได้วันนี้เลยจะมาแชร์ทั้งอาการ และการดูแลรักษาตัวเองแบบ Home Isolation ง่าย ๆ แบบไม่ต้องพึ่งหมอ Day 1 เริ่มมีอาการระหว่างที่จะไปทำงาน ผู้เขียนเริ่มรู้สึกจุก ๆ ที่คอ เหมือนจะเป็นกรดไหลย้อน เราก็มองโลกในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเพราะเครียดกับการเสพข่าวต่าง ๆ เมื่อไปถึงที่ทำงาน ผู้เขียนก็ใช้อุปกรณ์การตรวจด้วยตอนเอง ผลไม่พบเชื้อ แต่ที่ประเทศสวีเดนเมื่อมีอาการให้ไปพักดูแลอาการตัวเองที่บ้าน ผู้เขียนจึงกลับมาบ้าน ด้วยอาการแค่จุก ๆ ที่คอ กลับมาถึงบ้านก็พยายามดื่มน้ำอุ่น ชาร้อนตลอด แค่รู้สึกหนาว ๆ เท่านั้นDay 2 ตรวจพบโควิด อาการเริ่มมาตื่นเช้าขึ้นมา ผู้เขียนเริ่มรู้สึกเจ็บคอมากขึ้น จึงตรวจด้วยตนเองอีกครั้ง ผลตรวจพบว่าขึ้นสองขีดแบบจาง ๆ ซึ่งอาจจะเป็น หรือไม่เป็นโควิดก็ได้ ต้องไปตรวจยืนยันแบบ PCR สาย ๆ อาการเริ่มออก ด้วยอาการไอ เริ่มมีอาการหนาว และเย็นปลายเท้า ชนิดที่แบบห่มผ้า และใส่ทั้งถุงเท้าแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น วันนี้ไม่มีไข้ แต่เราก็ทานยาพาราเพื่อความสบายตัว ทานเฉพาะเวลามีอาการ เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ เบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลงDay 3 ไข้ ไอ และเจ็บคอมากขึ้น ไอ และเจ็บคอมาก จึงไปอมยาแก้เจ็บคอ ปรากฏว่าอาการเจ็บคอแย่ลง เสียงเริ่มแหบ จึงไม่อมต่อ อาการหนาวเข้ากระดูกยังเป็นเหมือนเดิม เริ่มมีไข้ประมาณ 38.2- 38.5 องศา เบื่ออาหารมากขึ้น จึงทานยาพารา และยาบรูเฟ็น เพื่อลดอาการไข้ ผู้เขียนทานได้เฉพาะน้ำซุปร้อน ๆ ชาร้อน ช่วงที่ทานยาอาการก็ดีขึ้น ทำอะไรได้บ้าง พอหมดฤทธิ์ยาอาการก็แย่ลง ตอนเย็นจึงทานยาทั้งสองตัว แล้วเข้านอนแต่หัววันDay 4 ไข้ หนาว เบื่ออาหารเพราะเข้านอนเร็ว ตื่นเช้าประมาณตีสี่ด้วยอาการหนาว ไอแห้ง ๆ เป็นชุด ๆ ลุกไม่ไหว ทานได้เฉพาะชาร้อน ซุปร้อน โดยที่ผู้เขียนไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด แต่ก็พยายามทานน้ำ และซุปร้อน อาการเจ็บคอเป็นมากหลังจากตื่นนอน จึงตัดสินใจเริ่มกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ซึ่งก็ทำเองง่าย ๆ เอาเกลือผสมน้ำอุ่นแค่นั้นเอง วันนี้เริ่มทานยาพารา 500 mg 2 เม็ด วันละ 3 เวลา และทานยาบรูเฟ็นซ้ำเมื่อรู้สึกมีไข้ แต่ทานแค่ครั้งเดียว เพราะรู้สึกว่ายาพาราก็พอเอาอยู่Day 5 ไข้บ้าง เสียงแหบ คัดจมูก มีน้ำมูกตื่นมาด้วยอาการเสียงแหบ คัดจมูก แสบจมูกมาก หนาวเป็นบางครั้ง ผู้เขียนทานยาพาราสามเวลาเหมือนเดิม ดื่มน้ำอุ่น และชาร้อนแทนการทานยาอื่น ๆ เพิ่ม ซึ่งก็ได้ผลค่อนข้างดี ใช้ยาพ่นจมูกที่ซื้อจากร้านขายยาทั่วไป อาการแสบจมูกดีขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที พอหมดฤทธิ์ยาก็มาใหม่ เราก็พ่นทุกครั้งที่มีอาการประมาณ 2-3 ครั้งทั้งวันDay 6 เจ็บคอหาย คัดจมูกบ้าง ไม่มีไข้ เริ่มทานอาหารได้บ้างไม่มีไข้ อาการเจ็บคอหายไป ไอบ้างเป็นช่วง ๆ แต่ไม่หนัก ยังคัดจมูกบ้าง ทั้งวันพ่นจมูกแค่ครั้งเดียว เริ่มทานอาหารได้ แต่ยังไม่ปกติ 100% ลดการกินพาราจากวันละ 3 เวลา เป็นกินช่วงมีอาการ และวันนี้ก็กินพาราไปแค่ครั้งดียวDay 7 ไม่มีไข้ ปวดหัวบ้าง ทานอาหารได้เกือบปกติ อาการต่าง ๆ หายไปเกือบหมด มีปวดศีรษะนิดหน่อย ทานอาหารได้เกือบปกติ ยังรู้สึกเพลีย แต่ก็ดีขึ้นมากขอสรุปแนวทางการดูแลรักษาตัวเองแบบ Home isolation ดังนี้ อุปกรณ์ที่ควรต้องมีติดบ้าน ช่วงเจ็บป่วยยาที่ใช้รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ พารา หรือบรูเฟ็น อาการคัดจมูก หรือยาแก้ไอแมส ในกรณีที่ต้องอยู่ร่วมกันหลายคนแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และกระดาษาทิชชูถุงใส่ขยะที่ต้องปิดปากถุงทุกครั้ง และต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังการสัมผัสสิ่งคัดหลั่ง หรือจะล้างมือร่วมด้วย หรือล้างมือบ่อย ๆ ยิ่งดีอาหารอ่อน ๆ พวกน้ำซุป โจ๊ก ชาร้อน น้ำร้อนอย่างที่ผู้เขียนเคยแชร์ครั้งที่แล้วว่าที่ประเทศสวีเดนรักษาโควิดแบบ Home isolation สำหรับคนที่มีอาการไม่หนักตั้งแต่เริ่มมีโควิด และคนที่นี่รักษาตัวเองตามอาการอย่างที่ผู้เขียนเล่าให้ฟังข้างต้น เน้นนะคะว่า ไม่มีการต้องไปรับยาฆ่าเชื้อไวรัส หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแต่อย่างใด แต่ถ้าคุณอาการหนัก เค้าถึงจะรับคุณเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลปัจจุบันนี้ประเทศสวีเดนผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ไปเยอะมาก และแทบไม่มีการตรวจให้บุคคลทั่วไปที่มีอาการเลยด้วยซ้ำ ผู้เขียนเองต้องการตรวจ PCR แต่ผู้เขียนต้องขับรถไปประมาณ 20 นาที เพื่อรับชุดการตรวจด้วยตนเอง และต้องเอาชุดการตรวจไปส่งที่อนามัยใกล้บ้าน ซึ่งเรามองว่าเป็นการเสียเวลาในการไปหาที่ตรวจ จึงใช้วิธีการตรวจด้วยตนเองที่บ้านแทน เพราะอาการคล้ายกับครั้งแรกมาก (แต่ครั้งที่ 2 แย่กว่าเดิม )และผู้เขียนไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยตรง จึงคิดว่าน่าจะใช่โควิดแน่ ๆ แม้ผลตรวจจะพบแบบจาง ๆขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะโควิดแม้จะอาการไม่มาก แต่บางคนก็ส่งผลระยะยาว ทำงานไม่ได้ เพราะฉะนั้น เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงค่ะ แต่ก็อย่ากังวลจนจิตตกจนเกินไปปล. ยาทุกชนิดมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นควรอ่านฉลากให้เข้าใจ และใช้ด้วยความระมัดระวังขอบคุณภาพปกจากเว็บ Canva ภาพปก ภาพที่ 1- 4 โดยผู้เขียน บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แชร์ประสบการณ์ 7 วันกับความเจ็บป่วย ด้วยโควิด (trueid.net)แชร์ประสบการณ์ 7 สิ่งที่ต้องทำเมื่อเป็นโควิด แต่ไม่อยากให้ติดคนใกล้ตัว (trueid.net)วิจัยสวีเดนชี้ โควิด ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง (trueid.net)สวีเดน ยอดติดโควิดลดลง หลังผ่อนคลายมาตรการ (trueid.net)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !