ASIANออเดอร์หนุนฐานโต เล็งลงทุนธุรกิจใหม่ต่อยอด
#ASIAN #ทันหุ้น - ASIAN ยิ้มยอดขายไตรมาส 1/2565 ดีกว่าปีก่อน หลังขยายฐานลูกค้าใหม่หนุนออเดอร์ไหลเข้าต่อเนื่อง ชูอาหารสัตว์เลี้ยง-OEM-โฟรเซ็น เนื้อหอม แย้มเปิดโอกาสศึกษาการลงทุนใหม่เพิ่มขีดความสามารถ มั่นใจยอดขายปี 2565 โต 10-15%
นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 ยอดขายโดยรวมยังคงมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์ (Pet Food) ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จากการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและการขยายตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจากการเพิ่มกำลังการผลิตในปลายปีก่อนทำให้ปัจจุบันสามารถผลิตและส่งมอบออเดอร์ให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย และจะมองเห็นการเติบโตของยอดขายดังกล่าวได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง
ออเดอร์ไหลเข้า
ส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) นับตั้งแต่ช่วงปลายปีจนถึงปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่เข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ออเดอร์ในมือปัจจุบันไม่น่ากังวล ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ (Aque Feed) มองว่าในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถขยายตัวได้ตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ โดยมีสัญญาเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ซึ่งหากว่าไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบก็เชื่อว่าด้วยเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวที่จะเข้ามาช่วยหนุนความต้องการบริโภคนั้นจะส่งผลทำให้ดีมานด์อาหารสัตว์น้ำขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกด้วย
ด้านธุรกิจอาหารอาหารแช่เยือกแข็ง (Frozen Food) ยังมีทิศทางการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภททอดที่ได้รับความสนใจและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Frozen Food ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการลงทุนทำ Plant-Based Food ซึ่งเป็นสินค้าประเภท Value Added ไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหลักยังคงเป็นตลาดสหรัฐ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีการบริโภคที่มีความหลากหลาย และมีกำลังซื้อ เบื้องต้นคาดว่ายอดขายในสหรัฐปีนี้จะทำได้ที่ไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน
สำหรับค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ตามแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ถือเป็นปัจจัยหนุนที่เข้ามาช่วยให้บริษัทสามารถทำยอดขายและรายได้ให้เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนประเด็นความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียนั้น มองว่ามีผลกระทบทางอ้อมกับธุรกิจของบริษัทมากกว่า เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเร่งตัวขึ้น รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในอนาคต แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนให้ทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีและมีความเหมาะสมกับสถานการณ์
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจและเปิดโอกาสในการศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของบริษัทได้ โดยที่ผ่านมามีคนเข้ามาสนใจและเจรจาหลายราย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยมองว่าในการลงทุนจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน ดังนั้นจึงอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
Q1 กำไรโต 13%
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 21.00 บาท โดยมองว่าบริษัทยังอยู่ในช่วงการเติบโตจากธุรกิจ Value Added Product อีกทั้งยังมีแผนนำบริษัทลูก “AAI” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายปี 2565 เพื่อระดมทุนสำหรับขยายโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 1 เท่าตัว และคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วง 2568 เป็นต้นไป