สหรัฐฯ พบโควิด-19 'BA.4-BA.5' ครองสัดส่วนป่วยใหม่กว่า 80%
ลอสแอนเจลิส, 13 ก.ค. (ซินหัว) -- ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (12 ก.ค.) ระบุว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 (BA.4) และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ของการติดเชื้อในประเทศในปัจจุบัน
ศูนย์ฯ ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 ครองสัดส่วนร้อยละ 65 ของการติดเชื้อใหม่ในช่วงสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. ขณะเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 ครองสัดส่วนร้อยละ 16.3 ของการติดเชื้อใหม่ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน
เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐฯ โดยจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อไวรัสฯ สองสายพันธุ์ย่อยข้างต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 แพร่เชื้อได้มากกว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ก่อนหน้านี้ และคาดว่าสามารถหลบหลีกเกราะป้องกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อก่อนหน้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
เจฟฟรีย์ แซคส์ ศาสตราจารย์และผู้อำนวยการศูนย์การพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง เมื่อประชาชนเริ่มกลับไปทำงาน เข้าโรงเรียน และใช้บริการที่สถานประกอบกิจการในร่มอื่นๆ
คณะผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่ามาตรการสาธารณสุขที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงสวมหน้ากากอนามัยในที่ร่ม หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด และเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสกระตุ้น ยังคงมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการป้องกันอาการป่วยรุนแรง การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5