ชีวิตหนึ่งผมเคยจัดฟัน ผมจัดฟันครั้งแรกตอนม.4 เพราะโดนเพื่อนล้อบ่อยๆ ในสมัยมัธยม ครั้งแรกที่โดนล้อผมจำได้ ตอนป.6 เพื่อนล้อว่าฟันเหยิน บักสวกบ้าง ( สวกคือภาษาอีสานที่เรียกคนฟันเหยิน ) ทำให้ผมมีปมมาตั้งแต่เด็ก จึงอยากจะหาวิธีที่จะทำให้ฟันของตัวเองเลิกเหยิน ผมคิดจะทำฟันหลายครั้ง แต่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ได้จัดฟัน ผมใช้เวลาขอแม่หลายปีกว่าจะได้จัดฟัน จนทำให้ผมฟันสวยและเลิกเหยิน ในวันนี้ ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าผมฟันเหยินตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะผมมีพฤติกรรมชอบกัดเล็บ และใช้ฟันในการแกะขนม จึงทำให้ฟันของผมเหยินมาก เรียกได้ว่า แก้วหน้าม้าเวอร์ชั่นผู้ชายเลย แต่ผมก็ผ่านช่วงนั้นมาได้ ผมขอเตือนเลยว่า อย่าใช้ฟันทำอย่างอื่นนอกจากเคี้ยวอาหาร เพราะอาจเกิดการผิดปกติของฟันได้ การกัดเล็บ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเล็บอาจหลุดลงไปในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องเสีย มือของเราก็สกปรก ทำให้เชื้อโรคตกลงไปในท้องของเรา และเข้าสู่ร่างกายของเรา และที่สำคัญ พฤติกรรมกัดเล็บ ทำให้ฟันเหยินอีกด้วย แต่ในช่วงที่ผมจัดฟัน ผมก็ได้เลิกพฤติกรรมกัดเล็บไปแล้ว วันนี้ผมจะมารีวิวประสบการณ์ที่คนจัดฟันต้องเจอ ว่าถ้าคุณเลือกที่จะจัดฟันแล้ว มันจะคุ้มไหม ประสบการณ์เหล่านี้ คือประสบการณ์ที่ผมเจอ โดยตรง และอยากนำมาถ่ายทอด ว่าจะมีผลดี หรือผลเสียอะไร มากน้อยแค่ไหน ลองมาดูกันเลย1. ค่าใช้จ่ายเยอะรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ ใช้แล้วการจัดฟัน ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแน่นอน โดยต้องมีเงินก้อน ในการเคลียร์ช่องปาก ครั้งแรกผมโดนไป 4,000 บาท ในการเคลียร์ช่องปาก ผมเลือกทำอยู่คลีนิค เพราะมีความเร็ว และสะดวกต่อการทำ แต่ถ้าใครอยากประหยัดงบ ผมขอแนะนำให้ทำอยู่ที่ โรงพยาบาลรัฐ แต่ต้องมีความอดทนนะ ในการไปแต่ละครั้ง โดยถ้าเรามีฟันผุมาก ต้องใช้เวลาในการไปหลายครั้ง ที่โรงพยาบาลแถวบ้านผม อุดฟันให้ครั้งละ 1 - 2 ซี่ ต่อคน เพราะมีคนไข้ใช้บริการมาก ต้องทั่วถึง ถ้าเราทำให้เราแค่คนเดียว ก็คงไม่ได้ เพราะอาชีพทันตแพทย์ เป็นอาชีพที่ขาดแคลน ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน ก็แล้วแต่คลีนิค บางคลีนิค จ่ายเงินแค่ 1,000 บาท ก็สามารถติดเครื่องมือจัดฟันได้ แต่บางคลีนิคต้องใช้เงินหลักหมื่น ถึงจะติดเครื่องมือให้ครบ เหมือนคลีนิคผม โดยจ่ายหมด หรือผ่อนจ่ายก็ได้ ถึงจะติดเครื่องมือครบ ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็จะประมาณ 1,000 บาท จนกว่าจะจัดฟันเสร็จ 2. ต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือน รูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ ใช้แล้วเราต้องสละเวลาเดือนละ 1 วัน เพื่อที่จะไปพบทันตแพทย์ เพื่อที่ให้หมอนั้นตรวจสอบ อุปกรณ์เครื่องมือการจัดฟัน และ ต้องไปเปลี่ยนยางจัดฟันในทุกๆเดือน เพราะยางจะมีความยืดหยุ่นที่น้อย ทำให้ดึงฟันของเราได้ไม่ดี ต้องเข้าไปพบหมอในทุกๆเดือน เพื่อทำการเปลี่ยน ให้ยางมีประสิทธิภาพในการดึงฟันของเรา เพื่อจะทำให้เราจัดฟันได้เสร็จตามแผนของหมอที่วางเอาไว้ อย่างผม ช่วงไปเรียนมหาลัย ผมไม่ค่อยได้ไปพบหมอเลย หนักสุดก็คือ 3 เดือน เพราะผมเรียนอยู่ไกล และที่มหาวิทยาลัยนั้น มีกิจกรรมเยอะ จึงทำให้ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ช่วงนั้น ฟันของผมเริ่มเข้าที่ดีแล้วครับ จึงไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ ต้องเสียเวลาไปนั่งรออีก ด้วยสมัยนี้ วัยรุ่นนิยมจัดฟันมาก ทำให้ต้องรอเป็นเวลานาน หนักสุดที่ผมเจอ ไปคลีนิคตอน 10.00 น. ได้เปลี่ยนยางจริงๆ 15.00 น. บอกได้เลยว่านั่งรอยาวไป แล้วการเลือกวันที่มาพบหมอต้องเลือกดีดี บางวันหมอไม่ว่าง บางวันเราไม่ว่าง ต้องเลือกเวลาให้ตรงกับที่หมอว่าง 3. ต้องเลือกสียางรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ หลายคนหนักใจ กับการเลือกสียาง ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดมาก ในการเลือกสียาง เพราะยางแต่ละสี อาจไม่เข้ากับหน้าเรา การที่เราเลือกสียาง ต้องเลือกดีดี เพราะเราต้องทนอยู่กับมันไป 1 เดือน ถ้าเลือกสียางผิด ชีวิตเราเปลี่ยนได้ ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสียางมากๆ เทคนิคในการเลือกสียางก็คือ เลือกสีเข้มๆ จะทำให้ฟันของเราดูขาวและสว่าง ถ้าเลือกสีอ่อน จะทำให้ฟันของเราดูชัด และจะทำให้ฟันของเรา ดูเหลือง โดยสีที่ผมไม่แนะนำเลย ก็คือสีเหลือง เพราะมันเป็นสีที่คล้ายกับฟันของเรามากที่สุด คนอื่นอาจมองว่าเราฟันเหลือง โดยสีส่วนตัวที่ผมใช้บ่อยคือ สีขาว สีฟ้า และสีแดง ผมชอบมากๆ สีฟ้าทำให้หน้าผมดูใสขึ้น และทำให้ฟันของผมดูสว่างขึ้น แต่สิ่งที่คนจัดฟันต้องเจอก็คือ ใช้เวลาในการเลือกสียางนี่แหละ ถือว่าเป็นปัญหาสุดๆ 4. ต้องถอนฟันรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ การถอนฟันไม่ใช่เรื่องสนุกของคนจัดฟัน แต่มันเป็นสิ่งที่คนจัดฟันบางคนต้องเจอ อย่างเช่นผม ปัญหาฟันเหยิน ต้องถอนฟันออก 2 ซี่ เพื่อที่จะให้หมอดึงฟัน ทำให้ฟันของเราหายเหยิน ผมไม่ชอบการถอนฟันมาก เพราะยามยาชาหมดฤทธิ์ จะมีความเจ็บ แล้วผมก็ไม่ชอบเวลากัดผ้าก๊อซ เพราะมันอึดอัดมาก ยิ่งตอนเวลาที่เลือดไหลไม่หยุด ยิ่งทรมาน เราต้องกลืนน้ำลาย หรือที่สำคัญห้ามบ้วนน้ำลายทิ้ง ในระหว่างที่ดึงฟันนั้นเศษอาหารจะไปติดที่ช่องของฟัน ต้องแคะออกตลอด ไม่ชอบมากเลย แต่เพื่อฟันที่สวย ต้องยอม5. พกที่แคะฟันตลอดรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ ไอเทม ที่คนจัดฟันทุกคนต้องพกพาติดตัว อยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ ที่แคะฟัน หรือ ไม้จิ้มฟัน เพราะเวลาเราทานอาหารเสร็จ เศษอาหารจะเข้าไปติดอยู่ในซอกฟัน บริเวณเครื่องมือจัดฟัน เราต้องดูแลและแคะออกหลังอาหาร เพราะถ้าคนอื่นเห็นแล้ว อาจดูไม่น่ารักมากนัก เวลาที่เราแคะฟัน ต้องแอบแคะด้วยนะ ไม่เช่นนั้น คนอาจมองว่าเราเป็นคนไม่มีมารยาทและสิ่งที่ต้องพกกับที่แคะฟันก็คือกระจก บางคนใช้กระจกรถในการส่อง แต่บางคนก็ใช้หน้าจอของโทรศัพท์ที่มันสะท้อน แคะฟัน นี่แหละคือสิ่งที่คนจัดฟันต้องพบเจอ 6. อุปกรณ์จัดฟันหลุดรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ อุปกรณ์จัดฟันหลุด หรือวลีเด็ดของคนจัดฟันก็คือ “เหล็กหลุด” เป็นปัญหา ที่คนจัดฟันต้องเจอ ร้อยทั้งร้อย ต้องเคยเหล็กหลุด ต้องระวังในการกินเป็นอย่างมาก เพราะ อาหารนี่แหละ เป็นสิ่งที่ทำให้เหล็กของเราหลุด เราต้องเคี้ยวช้าๆ ทานคำเล็กๆ ดูเหมือนเป็นคนมีมารยาท แต่เพราะกลัวเหล็กหลุด บางคลีนิคอาจไม่เสียค่าใช้จ่าย ในการติดเหล็กใหม่ แต่คลีนิคผมต้องเสียค่าติดเหล็ก ตัวละ 200 บาท จนมากเลยทีเดียว หมดเงินไปกับค่าจัดฟันแล้ว ค่าติดเหล็กใหม่ก็ยังต้องจ่ายเพิ่ม ต้องระมัดระวังเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องมีความระมัดระวังในการกิน7. ลำบากในการทานอาหารรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ ก่อนจัดฟันสามารถกินไก่ทอดชิ้นใหญ่ๆได้ กินมะม่วงน้ำปลาหวานแสนอร่อยได้ แต่หลังจากจัดฟันเท่านั้นแหละ ต้องเลือกอาหาร ที่กินได้ง่ายๆ ไม่เหนียว หรือไม่แข็งมาก เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันของเราหลุดได้ ทำให้เสียเงินเพิ่ม มันไม่คุ้มเลย ที่จะเสี่ยงกินอาหารชิ้นใหญ่ๆ และอีกหนึ่งปัญหา ที่คนจัดฟันต้องเจอ คือปวดฟัน ใช่แล้ว!! เพราะต้องดึงฟันอยู่ทุกเดือน เราต้องทานอาหารที่เคี้ยวง่ายๆ หรือกลืนได้เลยยิ่งดี หลังจากที่เราไปพบหมอฟันมา หมอจะเปลี่ยนลวด และ ยางดึงฟัน ทำให้ฟันของเราตึง และมีความเจ็บมาก อาหารที่เป็นตัวช่วยได้ดีสำหรับผมคือ มาม่า และข้าวต้ม เป็นอาหารยอดฮิตของคนที่จัดฟันเลยก็ว่าได้ กว่าจะกินอาหารได้ ลำบากมากๆ8. ต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยๆรูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่แปลงแบบนั้น แต่เป็นแปรงสีฟันนั่นเอง เพราะเครื่องมือจัดฟันเรานั้น จะทำให้แปรงเสื่อมสภาพง่าย ทางที่ดีผมแนะนำ แปรงสำหรับคนจัดฟัน แต่ผมไม่มีเงินซื้อ จึงต้องใช้แปรงธรรมดา แต่ต้องเปลี่ยนบ่อยมากๆ 2 อาทิตย์ครั้งเลยก็ว่าได้ เพราะผมแปรงฟันแรงทำให้แปรงสีฟันเสื่อมสภาพไว จึงต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่บ่อยครั้ง9. ต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิต รูปภาพถ่ายโดย : เจ้าของบทความ ใช่แล้ว คุณต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิต อย่าคิดว่าจัดฟันเสร็จจะเสร็จสิ้นขั้นตอน แต่การใส่รีเทนเนอร์นั้น เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการจัดฟัน เพราะรีเทนเนอร์จะช่วยล็อกฟันให้คงที เพื่อที่จะให้ฟันไม่เคลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ทำให้ฟันเราอยู่ในสภาพหลังการจัดฟัน โดยจะถอดแค่ตอนทานข้าว นอนก็ต้องใส่ รีเทนเนอร์นั้นต้องทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ โดยการล้างน้ำธรรมดา ก็สามารถทำความสะอาดได้ ถ้าทำหายก็ต้องทำใหม่ บอกได้เลยว่าค่าทำรีเทนเนอร์แพงมาก ราคาจะอยู่ที่ 3,500 - 4,000 บาท ต้องรักษาให้ดีเพราะเราจะใส่มันทั้งชีวิต เป็นอย่างไรบ้างพอจะเห็นภาพคร่าวๆแล้วใช่ไหม มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยใช่ไหม ใครที่คิดจะจัดฟันอยู่เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันเด้อ เตือนด้วยความหวังดี เพราะการทานอาหารแบบเดิมมันอร่อยอยู่แล้ว แล้วเราเป็นตัวของเราเองมันน่ารัก และมีเสน่ห์อยู่แล้ว อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองมาก สักวันจะมีคนรักเราแบบที่เราเป็น แต่คนที่อยากเปลี่ยนเพราะประสบปัญหาจริงๆ ผมก็อยากให้ทุกคนหาข้อมูลอย่างรอบด้าน อีกอย่างต้องมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย และผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมาอีกด้วยเครดิตรูปภาพหน้าปก : pixabay.com