อังกฤษ พบคนต้องสงสัยฝ่าฝืนการกักตัวมากกว่า 3 แสนคนแล้ว

United Kingdom: ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีคนฝ่าฝืนการกักตัว หลังจากที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือมากกว่า 3 แสนคนแล้ว

สำนักข่าว BBC เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีชาวอังกฤษและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือกว่า 3 แสนคน ที่ต้องสงสัยละเมิดกฎการกักตัวของประเทศ แต่รัฐบาลยังไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่า มีคนที่ละเมิดกฎการกักตัวมีมากน้อยเพียงใด แต่มีไม่น้อยที่ไม่สามารถติดตามตัวได้

ด้านกระทรวงมหาดไทยสหราชอาณาจักร ระบุว่า กระทรวงมีการเตรียมจะเดินทางไปเยือนยังบ้านเรือนของบุคคลต้องสงสัยที่ละเมิดการกักตัวเหล่านี้ 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปี รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกกฎใหม่เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ สำหรับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ในประเทศกลุ่มเสี่ยงสีแดงต้องกักตัวในโรงแรม ส่วนกลุ่มประเทศสีเหลือง หรือความเสี่ยงปานกลาง ให้แยกกักตัวเอง 10 วัน และต้องแสดงหลักฐานการตรวจเชื้อเป็นลบ ซึ่งระหว่าง 17 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม พบว่ามีมากกว่า 1 ล้านคน ที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือ จากประเทศกลุ่มสีเหลือง 

และในช่วงเวลาดังกล่าว พบว่ามีมากถึงกว่า 301,000 คน ที่ถูกส่งรายชื่อไปให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบว่าพวกเขาได้แยกกักตัวเองจริงหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะต้องโทรศัพท์ติดต่อกับพวกเขา เพื่อตรวจสอบการกักตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ปรากฎว่ามีคนตัดสาย และไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเป็นจำนวนมาก หรือไม่สามารถติดตามตัวได้อย่างน้อย 3 ครั้ง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กำลังเริ่มพบการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ Delta ที่พบครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย

ขณะที่พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสำคัญชี้ว่า การพบตัวเลขผู้ละเมิดการกักตัวมากขนาดนี้ ย้ำชัดแล้วว่ารัฐบาลขาดซึ่งนโยบายการควบคุมพรมแดนอย่างชัดเจน และชี้ว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างรุนแรงของกระทรวงมหาดไทย

ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตรียมประกาศแผนการที่จะยกเลิกอำนาจการควบคุมไวรัสโควิดของรัฐบาล โดยชี้ว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป รวมถึงอำนาจทางกฎหมายที่สั่งให้ปิดโรงเรียนและบางธุรกิจลงได้ในระหว่างการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่า จอห์นสัน จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของวัคซีน เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตปกติได้ และกำหนดแผนการสำหรับฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่จะเปิดโอกาสให้กับกลุ่มผู้สูงวัยก่อน