ศูนย์วิจัยกรุงไทยหั่นเศรษฐกิจไทยปีนี้โตเหลือ 0.5% พิษโควิดระบาดรุนแรง-ยาวนาน

ศูนย์วิจัยกรุงไทยหั่นเศรษฐกิจ - นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโต 0.5% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดของกรอบที่ประมาณการไว้ 0.5%-1.3% จากเดิมที่ประมาณการที่ค่ากลางในระดับ 0.9% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในระดับน่ากังวล โดยมีระบาดรุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันมาตรการล็อกดาวน์ยังจำเป็นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะปัจจุบันยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในระดับสูง

ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจยังมีการส่งออกเป็นตัวผลักดัน โดยประเมินไว้ว่าการส่งออกยังขยายตัวได้สูงเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 14% และการท่องเที่ยวที่จะกระเตื้องขึ้นได้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งการท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาได้บ้างในเดือนพ.ย. และธ.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ายังมีความเสี่ยงในทางต่ำอยู่มาก จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่มีความไม่แน่นอนสูง

“ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนสูงของเศรษฐกิจในขณะนี้หากมองในระยะยาวแล้วยังมีธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้สูงอยู่ไม่น้อย โดยมองว่าธุรกิจ Solar-Corporate PPA เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต เนื่องจากทั่วโลกตื่นตัวกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีส ส่งผลดีต่อธุรกิจพลังงานสะอาด ที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เนื่องจากต้นทุนการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ลดลงมาก ผู้ประกอบการสามารถเป็นผู้ลงทุนผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ให้แก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้ใช้ไฟฟ้าก่อน แล้วจึงเรียกเก็บค่าไฟฟ้าภายหลังซึ่งมักต่ำกว่าอัตราค่าไฟที่ซื้อจากภาครัฐ”

จากธุรกิจ Solar-Corporate PPA มีแนวโน้มเติบโตตามกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของโลก ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,541 พันเมกะวัตต์ ในปี 2593 จากปี 2563 อยู่ที่ 714 พันเมกะวัตต์ หรือขยายตัวสูงถึง 12 เท่า สำหรับในไทย ธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตตามความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จากทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธุรกิจ Solar-Corporate PPA ยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐทั้งด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและมิใช่ภาษีอีกด้วย