วิกฤต "Nissan" กดดันปิดโรงงาน 7 แห่ง ลดพนักงาน 20,000 คน l การตลาดเงินล้าน

บริษัท Nissan Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากผู้ถือหุ้นในการประชุมประจำปีที่จัดขึ้นในวันอังคาร โดยประเด็นสำคัญไม่เพียงเกี่ยวกับแผนพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤตการณ์ล่าสุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อเสนอจากนักลงทุนที่ต้องการให้บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่าง Nissan Shatai

ภายใต้การบริหารของซีอีโอคนใหม่ อีวาน เอสปิโนซา ผู้ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่หุ้นของบริษัทร่วงถึงร้อยละ 36 ในรอบหนึ่งปี และการระงับจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น Nissan ยังขาดทุนสุทธิถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4 พัน 500 ล้าน) ในปีงบประมาณที่ผ่านมา และยังไม่ได้เปิดเผยคาดการณ์ผลประกอบการสำหรับปีนี้อย่างเป็นทางการ

หนึ่งในแผนสำคัญที่ถูกเสนอเพื่อฟื้นฟูธุรกิจคือการปิดโรงงาน 7 แห่งทั่วโลก และปรับลดจำนวนพนักงานราว 20,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท อย่างไรก็ตาม แผนนี้ยังคงเผชิญคำถามถึงความเพียงพอในการกอบกู้บริษัทจากภาวะถดถอย

ขณะเดียวกัน กลุ่มนักลงทุนแบบ activist อย่าง Strategic Capital ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงโตเกียว ได้เสนอให้ Nissan ทบทวนบทบาทของตนใน Nissan Shatai ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ผลิตรถยนต์ให้กับบริษัทแม่ โดย Strategic Capital ถือหุ้นร้อยละ 3.5 ใน Nissan Shatai และยังถือหุ้นบางส่วนใน Nissan เพื่อให้สามารถเสนอญัตติในที่ประชุมได้

ข้อเสนอหลักจากกลุ่มนี้คือให้ Nissan แก้ไขข้อบังคับของบริษัท โดยกำหนดให้ต้องตรวจสอบความสัมพันธ์กับบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทุกปี พร้อมเปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นว่าจะมีการดำเนินการหรือไม่ในแต่ละกรณี

แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและหน่วยงานกำกับดูแลของญี่ปุ่นจะกดดันให้บริษัทแม่หลายแห่งจัดการกับโครงสร้างที่เรียกว่า "parent-child listing" ซึ่งมักถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นส่วนน้อย แต่คณะกรรมการของ Nissan กลับไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับอาจจำกัดความยืดหยุ่นในการบริหารงานของบริษัท

กรณีของ Toyota Motor เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ที่ประกาศแผนการซื้อหุ้นบริษัทลูก Toyota Industries คืนทั้งหมดจากตลาด ด้วยมูลค่าดีลกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้กลายเป็นตัวอย่างสำคัญที่นักลงทุนใช้เปรียบเทียบ และแสดงให้เห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มขยับตัวตามแรงกดดันของผู้ถือหุ้น

ผู้บริหารของ Strategic Capital กล่าวว่า กรณีของ Toyota แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของเสียงจากผู้ถือหุ้น และหวังว่า Nissan จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในระดับเดียวกัน