ทำอย่างไรเมื่อกลับจากประเทศที่เสี่ยงกับโรคโควิด - 19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ชาเขียวยอดดอยเพิ่งได้กลับจากต่างประเทศ เมื่อวันที่24 เมษายน 2563 วันนี้ชาเขียวยอดดอยก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ระหว่างเดินทางกลับมายังประเทศไทยให้ทุก ๆ คนได้อ่านกันค่ะ เริ่มจากก่อนเดินทาง ซึ่งทางกงสุลไทยจะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อกลับประเทศไทยเมื่อเสร็จจากการลงทะเบียนที่เรากำหนดวันกลับเองแล้ว จากนั้นรอเอกสารส่งมาทางอีเมล์นั่นก็คือใบรับรองการเดินทางจากสถานกงสุล ถ้าไม่มีเอกสารฉบับนี้ทุกคนไม่สามารถกลับได้ค่ะ และเอกสารสำคัญอีกฉบับนึงนั่นก็คือ ใบรับรองแพทย์ที่ต้องระบุบว่า Fit to travel / fly เป็นการตรวจร่างกายว่าเราพร้อมจะเดินทางไหม ป่วยหรือไม่ ใบรับรองแพทย์จะอยู่ได้เพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ชาเขียวยอดดอยเอง ต้องเดินทางกลางคืนวันที่ 23 เมษายน 2563 ชาเขียวยอดดอยต้องไปขอใบรับรองแพทย์ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2563 ต่อจากนั้นเตรียมตัวเดินทางค่ะ ชาเขียวยอดดอยเดินทางโดยรถบัสออกทางบก มายังด่าน "Padang Besar" สิ่งที่ต้องเตรียมระหว่างเดินทาง ก็จะมีดังนี้ค่ะ °เอกสารการเดินทาง/หนังสือpassport °แอลกอฮอล์เจล/สเปรย์/ทิชชู่เปียกที่มีส่วนผสมสารฆ่าเชื้อโรค °หน้ากากอนามัย/ถุงมือ °น้ำดื่ม/อาหาร (ระหว่างทางไม่มีบริการอาหารและน้ำดื่มต้องเตรียมเอง) จากนั้นทางสถานกงสุลจะแจ้งกับทางเราว่าต้องไปขึ้นรถที่ไหน เราก็นั่งแกรป หรือ แท็กซี่ไปตามนั้นเลยค่ะ ชาเขียวยอดดอยมาขึ้นรถบัสที่ Hentian duta terminal เป็นจุดขึ้นรถที่ทางกงสุลจัดให้และฟรีค่าเดินทาง แต่สำหรับใครที่สะดวกกลับเอง ไม่ไปกับรถที่สถานกงสุลจัดไว้ให้ก็ได้ค่ะ แต่ต้องออกค่าเดินทางเองทั้งหมด เรานั่งที่นั่งล่ะ 1 คนเท่านั้นค่ะ ห้ามนั่ง 2 คน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในขณะเดินทาง เดินทางมาถึงยังด่านผ่านแดนแล้วค่ะ วันที่ 24 เมษายน 2563 ตอนนี้ก็รอเช็คเอกสารและรอด่านเปิดตอน 9 โมงเช้า ด่านแรกคือจุดปั๊มพาสปอร์ตของ ตม.มาเลเซีย จะเจอการตรวจสอบอาการเบื้องต้น เช็คกระเป๋า เช็คเอกสารรายงานตัวทุกอย่าง แต่ชาเขียวยอดดอยไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ เพราะเค้าห้ามถ่ายรูป หลังจากเสร็จจากตรงนี้เดินต่อไปยังด่านผ่านแดนไทยแต่ก่อนจะผ่านเข้าแดนไทยต้องเจอกับจุดคัดกรองโรค ซักประวัติอย่างละเอียดจากคณะสาธารณสุขและแพทย์จากโรงพยาบาลสะเดา และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่คอยดูแลควบคุม เมื่อผ่านการคัดกรองตรวจโรคทั้งหมดแล้ว จึงสามารถปั๊มพาสปอร์ตเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่หากใครมีอาการเสี่ยงก็จะถูกกักตัวไปยังอีกสถานที่นึง เมื่อเดินทางมายังสถานที่กักตัวสำหรับ 14 วันแล้ว ชาเขียวยอดดอยมาพักที่โรงแรมที่ทางหน่วยงานรัฐจัดไว้ให้ค่ะ ในโรงแรมของอำเภอสะเดา แต่ก่อนจะเข้าห้องพักจะต้องเจอกับจุดคัดกรองโรคอีกครั้งเพื่อเป็นการตรวจอีกรอบก่อนเข้าพักและลงทะเบียนสำหรับการตรวจอาการของแต่ละวันจนครบ 14 วัน สำหรับการเข้าพักจะพักแบบ 1 ห้อง ต่อ 1 คน เท่านั้น จะมีเจ้าหน้าที่ส่งอาหารครบ 3 มื้อ จนกว่าเราจะกักตัวครบ มีน้ำดื่มและสิ่งของยังชีพที่จำเป็นให้ ห้ามออกจากห้องโดยเด็ดขาด ต้องอยู่แต่ในห้องเพื่อลดความเสี่ยง ในตอนเช้าและบ่ายก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจอาการทุกวัน ทุกอย่างมีกฏระเบียบเราต้องรับฟังและปฎิบัติตาม นี่คืออาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกที่ชาเขียวยอดดอยเดินทางมาถึงยังสถานที่กักตัว อาหารอร่อยมากค่ะ แต่ถ้าใครเป็นมุสลิมทางเจ้าหน้าที่ก็จะจัดอาหารไว้อีกส่วนนึงค่ะ ไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ชาเขียวยอดดอยก็ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ดูแลมาตั้งแต่การเดินทางออกจากประเทศมาเลเชีย มาจนถึงประเทศไทยอย่างดีที่สุดตลอดจนกระทั่งการกักตัวจนครบ 14 วัน ชาเขียวยอดดอยขอฝากทิ้งท้ายให้สำหรับคนที่เดินทางกลับจากประเทศที่เสี่ยงทุกประเทศด้วยนะคะ ขอให้เชื่อฟังตามที่เจ้าหน้าที่บอก ไม่ขัดต่อคำสั่ง รับผิดชอบต่อสังคม แค่นี้ก็ช่วยกันลดการติดต่อจากโรคโควิด - 19 ได้ดีในระดับนึงแล้วค่ะ