การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือที่เรียกกันว่า Technical Analysis เป็นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่จำเป็นต้องรู้ ใน E-Book เล่มนี้จะเขียนถึงเทคนิคการวิเคราะห์กราฟในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ทฤษฎีดาว ( Dow Theory ), การวิเคราะห์เทรน, การมองรูปแบบของแท่งเทียน, Pattern กราฟ เป็นต้น แต่สำหรับมือใหม่นั้นเรื่องที่ควรจะรู้เป็นอันดับแรก คือ รู้เรื่องของเทรนและการมองเทรน วันนี้ผมจึงจะนำเนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับเทรนมาสรุปให้ได้ฟังกันครับ ว่าเวลาเราจะทำการเทรดเราควรรู้ทิศทางของเทรนในแบบไหนบ้าง เพื่อจะได้เป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับพอร์ทการลงทุนของท่านเอง หากท่านไม่รู้ว่าตอนนี้กราฟมันกำลังไปในทิศทางไหน คงไม่เป็นผลดีแน่นอน ซึ่งผมจะนำเอาข้อมูลใน E-Book บทที่ 2 เรื่อง หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างกราฟ มาทำการสรุปให้อ่านกันครับ โดยตัวอย่างของกราฟที่ผมจะนำมาประกอบการอธิบายเทรนทั้ง 3 แบบ คือคู่เงิน EUR/USD ที่ผมเลือกคู่เงินนี้เพราะลักษณะการวิ่งของกราฟที่ไม่ค่อยกระชากแรงจึงทำให้สามารถมองเทรนออกได้ง่าย สำหรับลักษณะเทรนทั้ง 3 แบบนั้นจะมีเนื้อหาดังนี้เทรน ( Trend ) ก่อนที่จะไปอ่านเรื่องรูปแบบของเทรนทั้ง 3 แบบนั้น ผมขออธิบายก่อนนะครับว่าเทรนคืออะไร เทรนคือแนวโน้มการวิ่งของกราฟซึ่งจะวิ่งตามความอ่อนแข็งของค่าเงินนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คู่เงินยูโรกับดอลล่าห์สหรัฐ ถ้าคู่เงินยูโรมีการอ่อนค่าแต่ดอลล่าห์มีการแข็งค่า กราฟจะวิ่งเป็นทิศทางขาลง เราจะเรียกลักษณะของกราฟว่า Down Trend แต่ถ้ายูโรแข็งค่าและดอลล่าห์อ่อนค่า กราฟจะวิ่งเป็นทิศทางขา เราจะเรียกลักษณะของกราฟว่า Up Trend และในช่วงที่กราฟไม่ค่อยมี Volume ซื้อขายของนักลงทุนมากนัก กราฟจะวิ่งในลักษณะ Side Way หรือเรียกกันว่าวิ่งในกรอบแคบ ๆ นั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้และสามารถที่จะมองลักษณะของเทรนในขณะนั้นได้กราฟในทิศทางขาขึ้น ( Up Trend ) กราฟในทิศทางขาขึ้นนั้นลักษณะการวิ่งของราคาจะมีการยก Hight และLow ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยวิธีการวัดทิศทางของเทรนขาขึ้น เราจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Trend Line ตีจากจุดที่ 1 คือจุดต่ำสุดของกราฟไปยังจุดที่ 2 และ 3 TF 1 วัน หรือ TF 4 ชั่วโมงก็ได้ ยิ่ง TF ใหญ่แนวโน้มของเทรนก็จะยิ่งชัดเจน ซึ่งวิธีการตีเส้นเทรนไลน์นั้นไม่มีกฎตายตัว บางคนจะตีที่ไส้ของแท่งเทียนหรือตีตรงเนื้อแท่งเทียนก็ได้เช่นเดียวกัน โดยกราฟจะวิ่งอยู่ในกรอบของเส้นเทรนไลน์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนเทรน หากราคามีแรงซื้อที่รุนแรงกราฟสามารถทะลุเส้นเทนไลน์ข้างบนขึ้นไปได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามีแรงขายเข้ามากราฟก็จะทะลุเทรนไลน์เส้นล่าง เทรนก็จะกลายเป็นขาลงในทันที ในภาพด้านบนคือตัวอย่างของเทรนขาขึ้นในคู่เงิน EUR/USD ใน TF D1 ลักษณะของเทรนในคู่เงินนี้จะวิ่งสลับฟันปลาไปเรื่อย ๆ เหมาะกับมือใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นเทรดในตลาดค่าเงินหรือ Forexกราฟในทิศทางขาลง ( Down Trend ) กราฟในทิศทางขาลงนั้นลักษณะการวิ่งของราคาจะมีการยก Hight และLow ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ โดยวิธีการวัดทิศทางของเทรนขาลง เราจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Trend Line ตีจากจุดที่ 1 คือจุดสูงสุดของกราฟไปยังจุดที่ 2 และ 3 ใน TF 1 วัน หรือ TF 4 ชั่วโมงก็ได้ ยิ่ง TF ใหญ่แนวโน้มของเทรนก็จะยิ่งชัดเจน ซึ่งวิธีการตีเส้นเทรนไลน์นั้นไม่มีกฎตายตัว บางคนจะตีที่ไส้ของแท่งเทียนหรือตีตรงเนื้อแท่งเทียนก็ได้เช่นเดียวกัน โดยกราฟจะวิ่งอยู่ในกรอบของเส้นเทรนไลน์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนเทรน หากราคามีแรงขายที่รุนแรงกราฟสามารถทะลุเส้นเทนไลน์ลงมาได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามีแรงซื้อเข้ามากราฟก็จะทะลุเทรนไลน์เส้นบน เทรนก็จะกลายเป็นขาขึ้นในทันที ในภาพด้านบนเป็นตัวอย่างของเทรนในทิศทางขาลงของคู่เงิน EUR/USD ใน TF D1 ซึ่งลักษณะของเทรนจะวิ่งอยู่ในกรอบของเส้นเทรนไลน์และมีการทำ New Low ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ นั่นก็เป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายว่ากราฟอยู่ในทิศทางขาลงอย่างชัดเจนกราฟไม่เลือกทิศทาง (Side Way) กราฟในลักษณะนี้จะมีลักษณะการวิ่งคือวิ่งอยู่แค่ในกรอบแคบ ๆ โดยกรอบของราคานั้นจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับ TF ที่เราเลือก ถ้าเป็น TF D1 กรอบของราคาก็จะใหญ่ แต่ถ้าเป็น TF ที่เล็กลงมาเช่น M30 กรอบของราคาก็จะไม่ใหญ่มาก ในภาพตัวอย่างด้านบนคือลักษณะการวิ่งของราคาในกรอบ 3 เหลี่ยมคางหมู เป็นการต่อสู้กันระหว่างแรงขายกับแรงซื้อที่ยังไม่เลือกทิศทางของราคาได้ชัดเจน จึงทำให้เกิดกราฟ Side Way ขึ้นมา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาเลือกทางเราก็สามารถเทรดตามแนวโน้มของเทรนนั้นได้เลย ในส่วนของกราฟข้างเป็นตัวอย่างของกราฟคู่เงิน EUR/USD ใน TF D1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาวะที่ไม่เป็นเทรนหรือ Side Way หมายถึงการพักตัวของราคาก่อนที่ราคาจะมีการวิ่งต่อ ซึ่งจะขึ้นหรือลงนั้นก็ต้องรอให้กราฟเลือกทางถึงจะรู้ว่ากราฟจะไปในทิศทางไหน ตรงนี้นักลงทุนมือใหม่ต้องรอให้กราฟเลือกทางก่อน ค่อยทำการเข้าเทรดทำกำไร จะสามารถลดความเสี่ยงของการขาดทุนได้ดีกว่าการเข้าไปเทรดในช่วงที่กราฟเกิดสภาวะ Side Way ในส่วนของเนื้อหาทั้ง 3 อย่างใน E-Book ที่ผมได้เขียนอธิบายสรุปไว้นั้นหากนักลงทุนนำไปประยุกต์ใช้กับลักษณะการเทรดของแต่ละคนก็สามารถที่จะสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่ายและทุกคนสามารถเข้าใจและนำไปฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนทักษะในการเทรดได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ใช้ได้เพียงแค่ตลาด Forex เท่านั้น แต่วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็สามารถนำไปใช้กับตลาดการลงทุนอื่นได้อีกด้วย สุดท้ายแล้วผมก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสามารถทำให้ผู้อ่านมีความรู้ที่เพิ่มขึ้น หากว่าบทความมีข้อผิดพลาดหรือตกหล่นตรงไหนต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ