10 วิธีมีความคิดสร้างสรรค์ ได้ไอเดียหลากหลายมากขึ้น | บทความโดย Pchalisa ความคิดสร้างสรรค์เป็นเหมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนให้เราคิดค้นสิ่งใหม่ๆ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่ชีวิตประจำวันค่ะ การมีไอเดียที่หลากหลายจะช่วยให้เรามีทางเลือกในการแก้ไขที่หลากหลายมากขึ้น สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างและน่าสนใจ ช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาและมีความสุขมากขึ้นค่ะ ดังนั้นการหันมาพัฒนาตัวเองให้มีความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเราค่ะ จากที่มีข้อดีหลายอย่างมาก โดยในบทความนี้ผู้เขียนมีเทคนิคดีๆ มาบอก ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆ และสนับสนุนให้เรามีไอเดียได้แบบไม่ตันค่ะ ส่วนจะมีวิธีการอะไรบ้างนั้น อ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ 1. เปิดรับสิ่งใหม่ๆ การเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยไอเดียและแรงบันดาลใจค่ะ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้หลากหลายวิธี เพราะเป็นการขยายขอบเขตความรู้ของตัวเรา การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในสาขาที่เราสนใจอยู่แล้ว หรือสาขาที่แตกต่างออกไป จะช่วยให้เรามีฐานความรู้ที่กว้างขึ้น เมื่อเราเจอปัญหาหรือโจทย์ใหม่ๆ เราจะสามารถนำความรู้ที่หลากหลายมาผสมผสานกัน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้นค่ะ การเปิดรับสิ่งใหม่ๆ จะทำให้เราได้พบเจอกับมุมมองที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิมๆ และมองเห็นปัญหาจากหลายๆ ด้าน ทำให้เราสามารถคิดค้นวิธีแก้ไขปัญหาที่แปลกใหม่และน่าสนใจได้ค่ะ สิ่งใหม่ๆ ที่เราพบเจอ จะช่วยกระตุ้นจินตนาการของเราให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ เราจะสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกี่ยวข้องกันมาก่อน เข้าด้วยกันได้อย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจค่ะ ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้จากการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้เรามีประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นคลังความรู้และแรงบันดาลใจที่เราสามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ได้ค่ะ การลองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ และลดความกลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ค่ะ และวิธีการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เช่น การอ่านหนังสือหลากหลายแนว ที่ไม่ว่าจะเป็นนิยาย วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์หรือแม้แต่การ์ตูน ก็สามารถกระตุ้นจินตนาการได้ทั้งนั้นค่ะ การฟัง Podcast ก็ช่วยได้ ให้เลือกฟัง Podcast เกี่ยวกับหัวข้อที่เราสนใจ หรือแม้แต่หัวข้อที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็ตามค่ะ 2. ฝึกสังเกตสิ่งรอบตัว ลองฝึกสังเกตสิ่งรอบตัวค่ะ เพราะเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกแห่งความคิดสร้างสรรค์เลยนะคะ เมื่อเราสังเกตสิ่งต่างๆ อย่างละเอียด เราจะพบว่าสิ่งของหรือเหตุการณ์ต่างๆ นั้นเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง ซึ่งความเชื่อมโยงเหล่านี้เองที่กลายเป็นไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้ค่ะ การสังเกตปัญหาอย่างรอบด้านจะช่วยให้เราเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาได้ดีขึ้น และจากนั้นก็สามารถคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและสร้างสรรค์ได้มากขึ้นนะคะ สิ่งต่างๆ ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ งานออกแบบ หรือแม้แต่การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ การสังเกตจะช่วยให้เราฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์และการแก้ปัญหาได้ดีขึ้น เมื่อเราเจอปัญหา เราจะสามารถหาทางออกที่หลากหลายและสร้างสรรค์ได้มากขึ้น และวิธีฝึกการสังเกตอาจทำได้ผ่านกิจกรรมต่อไปนี้ค่ะ ได้แก่ การเดินเล่น การทำแบบนี้จะช่วยให้เราได้สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว และค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ การจดบันทึก สิ่งนี้หมายถึงการจดบันทึกสิ่งที่เราสังเกตเห็น หรือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวนะคะ การถ่ายรูปก็สามารถช่วยได้ค่ะ 3. หาแรงบันดาลใจจากคนอื่น แรงบันดาลใจจากคนอื่นเป็นเหมือนการจุดประกายให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ในตัวเราค่ะ เพราะเมื่อเราได้เห็น ได้ยิน หรือได้อ่านเรื่องราวของคนอื่นที่ประสบความสำเร็จ หรือมีแนวคิดที่น่าสนใจ มันจะกระตุ้นให้เราเกิดแรงบันดาลใจและอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การได้รู้จักกับคนที่มีความคิดแตกต่างจากเรา จะช่วยให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ในการมองโลกและปัญหาต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เราคิดนอกกรอบและหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้นค่ะ เมื่อเราเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราใฝ่ฝัน มันจะทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจและอยากจะพยายามทำตามบ้าง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เราลงมือทำและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ได้ การศึกษาประวัติและประสบการณ์ของคนอื่น จะช่วยให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและความสำเร็จของคนเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการทำผิดซ้ำ และนำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานของเราได้ค่ะ การพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นๆ จะช่วยให้เราได้รู้จักคนที่มีความสามารถหลากหลาย ซึ่งจะช่วยขยายเครือข่ายความสัมพันธ์ของเรา และเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมงานกับคนอื่นๆ ในโครงการใหม่ๆ การพูดคุยกับคนอื่นจะช่วยให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ และมุมมองที่แตกต่าง การลองเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มจะช่วยให้เราได้พบปะผู้คนที่มีความสนใจเหมือนกัน และการติดตามคนที่มีความคิดสร้างสรรค์บนโซเชียลมีเดีย เพื่อดูผลงานและไอเดีย แบบนี้ก็ช่วยได้ค่ะ 4. ฝึกสมอง การฝึกสมองเป็นเหมือนการออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งของร่างกายเรา แต่สำหรับการฝึกสมองนั้นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ จากที่การฝึกสมองจะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ประสาทในสมองเชื่อมต่อกันมากขึ้น ทำให้เกิดเส้นทางการสื่อสารใหม่ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการคิดสร้างสรรค์นั่นเองค่ะ การทำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการจดจำ การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เราเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีขึ้น และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกันในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างไม่รู้จบ ช่วยให้เราคิดนอกกรอบ และมองปัญหาจากหลายมุมมากขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ค่ะ 5. สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ เป็นเหมือนการปลูกต้นไม้ให้เติบโตในดินที่อุดมสมบูรณ์เลยค่ะ เมื่อเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ ความคิดใหม่ๆ ก็จะผุดขึ้นมาได้ง่ายขึ้นค่ะ สภาพแวดล้อมที่สวยงาม มีสีสัน หรือมีสิ่งของที่น่าสนใจ จะช่วยกระตุ้นให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย จะช่วยลดความเครียดและความกังวล ทำให้เราสามารถคิดอะไรได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น สภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น จะช่วยให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สภาพแวดล้อมที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ จะช่วยให้เรามั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้น และพื้นที่ทำงานที่เป็นระเบียบจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และมีสมาธิในการทำงานได้ค่ะ 6. อย่ากลัวที่จะผิดพลาด การไม่กลัวที่จะผิดพลาดเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่ความคิดสร้างสรรค์เลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อเราไม่กลัวที่จะผิดพลาด เราก็จะกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และกล้าที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ค่ะ เมื่อเราไม่กลัวที่จะผิดพลาด เราจะกล้าที่จะลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ และไอเดียใหม่ๆ ได้ ในขณะที่การกลัวที่จะผิดพลาดจะทำให้เราไม่กล้าที่จะเสนอความคิดเห็นใหม่ๆ แต่เมื่อเราไม่กลัว เราจะกล้าที่จะเสนอไอเดียแปลกใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งการผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เมื่อเราไม่กลัวที่จะผิดพลาด เราจะสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดและนำมาปรับปรุงแก้ไขได้ เมื่อเราลองทำอะไรใหม่ๆ และประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และทำให้เรากล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ต่อไป เมื่อเราไม่ต้องกังวลว่าจะทำผิดพลาด เราจะรู้สึกผ่อนคลายและสามารถคิดอะไรได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น การลองผิดลองถูกจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ อีกทั้งความคิดเห็นของผู้อื่นจะช่วยให้เราพัฒนาไอเดียของเราได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นอย่ายึดติดกับไอเดียเดิมๆ และพยายามคิดไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอค่ะ 7. ตั้งคำถาม เมื่อเรามีการตั้งคำถาม สิ่งนี้จะเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกแห่งความคิดสร้างสรรค์เลยนะคะ เพราะเมื่อเราตั้งคำถาม เราจะเริ่มต้นกระบวนการคิดที่ซับซ้อนและหลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ และไอเดียที่น่าสนใจ การตั้งคำถามจะทำให้เราอยากรู้และอยากค้นหาคำตอบ ซึ่งจะกระตุ้นให้เราคิดหาทางแก้ไขปัญหาและหาคำตอบที่แตกต่างออกไป ช่วยให้เราเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่เรามีอยู่เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อน การตั้งคำถามจะช่วยให้เรามองปัญหาจากหลายมุมมากขึ้น และเห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น ช่วยให้เราฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลและหาเหตุผลสนับสนุนคำตอบได้ดีขึ้น การตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัว จะช่วยกระตุ้นให้เราจินตนาการและคิดนอกกรอบ ช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่เราอยากรู้และต้องการ การตั้งคำถามกับผู้อื่นจะช่วยให้เราได้ข้อมูลใหม่ๆ และมุมมองที่แตกต่าง การตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวจะช่วยให้เราค้นพบความเชื่อมโยงที่น่าสนใจได้ค่ะ 8. ฝึกจินตนาการ การฝึกจินตนาการเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกแห่งความคิดสร้างสรรค์เลยค่ะ เพราะจินตนาการเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด เรื่องราว หรือแม้แต่แนวคิดในการแก้ปัญหา ช่วยให้เราสร้างภาพในใจได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการสร้างสรรค์ผลงาน จินตนาการช่วยให้เราเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกันได้อย่างสร้างสรรค์ การจินตนาการช่วยให้เราเห็นภาพรวมของปัญหาหรือโจทย์ที่ได้รับ ทำให้เราสามารถหาทางแก้ไขได้อย่างรอบด้าน ช่วยให้เราคิดนอกกรอบ กล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ และไม่กลัวที่จะผิดพลาด การได้ใช้จินตนาการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จะทำให้เรารู้สึกสนุกและมีความสุขค่ะ 9. เชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หลายคนยังไม่รู้ว่า? การเชื่อมโยงสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์เลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อเราสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันได้ มันจะเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้เราได้เห็นภาพรวมที่กว้างขึ้น และนำไปสู่การคิดค้นไอเดียที่แปลกใหม่และน่าสนใจค่ะ การนำสิ่งที่แตกต่างมาผสมผสานกัน จะก่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน การเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ จะช่วยให้เราเห็นปัญหาจากหลายมุมมองมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ช่วยให้เราคิดนอกกรอบ และไม่ติดอยู่กับวิธีคิดเดิมๆ ช่วยให้เราหาทางแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ 10. อย่าหยุดเรียนรู้ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การไม่หยุดเรียนรู้เป็นเหมือนการเติมน้ำมันให้กับเครื่องยนต์แห่งความคิดสร้างสรรค์เลยค่ะ ยิ่งเราเรียนรู้มากเท่าไหร่ ความคิดสร้างสรรค์ของเราก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้นค่ะ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะทำให้เรามีฐานความรู้ที่กว้างขึ้น เมื่อเรามีความรู้ที่หลากหลาย เราก็สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้นค่ะ การเรียนรู้จะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เราได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป ทำให้เราไม่ติดอยู่กับกรอบเดิมๆ และกล้าที่จะคิดนอกกรอบ ทำให้เรามีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการค้นหาสิ่งใหม่ๆ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้เป็นการออกกำลังกายสมอง ช่วยให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการคิด เมื่อเรามีความรู้และทักษะมากขึ้น เราก็จะมีความมั่นใจในการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น โดยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้เราเปิดโลกทัศน์และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งทุกคนรอบตัวเราล้วนมีความรู้และทักษะที่แตกต่างกัน การพูดคุยและเรียนรู้จากพวกเขาจะช่วยให้เราได้มุมมองใหม่ๆ ได้อีกเช่นเดียวกันค่ะ และทั้งหมดนั้นคือวิธีการที่มาเสริมกำลัง ช่วยทำให้เรามีความคิดแปลกใหม่แบบไม่ซ้ำจำเจได้ค่ะ ซึ่งการมีอาชีพเป็นนักเรียนตลอดชีวิต คือวิธีการที่ผู้เขียนได้ทำมาจนถึงตอนนี้ เพราะการไม่หยุดเรียนรู้ทำให้เราได้ข้อมูลใหม่ๆ มากขึ้นค่ะ จากที่ความรู้มีวันหมดอายุ และความรู้บางอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้แล้วในปัจจุบัน โดยการพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์คือทางออกค่ะ และผู้เขียนยังชอบจินตนาการด้วย ชอบเชื่อมโยงสิ่งใหม่ๆ เข้าด้วยกันด้วย ได้ศึกษาเรียนรู้ในสาขาที่แตกต่างออกไป และอื่นๆ อีกในเนื้อหาของบทความนี้ค่ะ ที่ทำตลอดและทำประจำเลย โดยในตอนหลังมาก็ได้สังเกตเห็นเหมือนกันว่ามีความคิดที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ อย่างไรนั้นคุณผู้อ่านต้องลองนำไปใช้ค่ะ โดยผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Anete Lusina จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 ออกแบบใน Canva, ภาพที่ 2 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Ann H จาก Pexels และภาพที่ 4 โดย Luis Fernandes จาก Pexels ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://news.trueid.net/detail/DpVeOJN696AZ https://news.trueid.net/detail/xXPa6Zlroxb0 https://news.trueid.net/detail/DB33oyKv6QRB เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !