ปัจจุบัน Al หรือ Artificial Intrigant เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งแบบที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว แม้แต่ของใช้ต่าง ๆ รอบตัวเรา ก็มีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน เช่น โทรศัพท์มือถือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ หรือ จะเป็นรถยนต์ที่เราใช้ขับทุกวัน นอกเหนือจากสิ่งของที่เราใช้ในประจำวันยังได้มีการนำ AI เข้าไปประยุกต์กับอุปกรณ์เฉพาะทางต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การอุปกรณ์เหล่านั้น เช่น ไฟจราจรที่มี AI ในการคำนวณเวลาเปลี่ยนสีของไฟจราจร หรือ การนำ A lเข้าไปในแอพลิเคชันเฉพาะทางเพื่อช่วยคำนวณหรือวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น และ ในบทความนี้จะกล่าวถึง การนำ AI เข้ามาประยุกต์กับอุปกรณ์ LiDAR scanner และ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ LiDAR scanner อย่างไรได้บ้างAl หรือ Artificial Intrigant คืออะไร? Al ย่อมาจาก Artificial Intrigant แปลเป็นภาษาไทยง่าย ๆ คือ “ปัญญาประดิษฐ์” แล้วปัญญาประดิษฐ์คืออะไร เรามาอธิบายง่าย ๆ โดยปกติแล้วโปรแกรมคอมพิวเตอร์ธรรมดาทั่วไปคือชุดข้อมูลหรือชุดคำสั่งที่เขียนรองรับเงื่อนไขต่าง ๆ โดยเฉพาะ และทำตามสิ่งที่ได้โปรแกรมไว้เท่านั้น แต่ AI มีความเก่งกว่านั้น เพราะ AI เป็นชุดคำสั่ง Algorithm พิเศษที่ สามารถสร้างผลลัพธ์ออกมาได้เองโดยที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสถาณการณ์ต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาสรุปเป็นภาษาง่าย ๆ AI คือ ชุดคำสั่งหรือ Algorithm พิเศษ ที่มีความสามารถในการคิดได้เองโดยและให้ผลลัพธ์ในการตัดสินใจใกล้เคียงเหมือนมนุษย์ นี่คือสิ่งที่ทำให้ AI ต่างกับโปรแกรมหรือ Algorithm ปกติทั่วไปโดยปัจจุบัน ได้แบ่งประเภท ความฉลาดของ AI เป็น 3 แบบ Al จาก Artificial Intrigant ,ML Machine Learning ,DL Deep learningLiDAR scanner คืออะไร?LiDAR ย่อมาจาก light detection and ranging คือ อุปกรณ์ที่คล้ายกับเรดาร์แบบดั้งเดิม เพราะเนื่องจากมันส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเพื่อตรวจจับวัตถุที่อยู่รอบข้าง แต่เครื่องมือนี้ จะตรวจจับ แสง เป็นหลัก และนำมาวัดหาระยะห่างของวัตถุกับ LiDAR โดยลำแสงเลเซอร์เหล่านี้ที่ กระทบวัตถุและสะท้อนออกมานั้น จะกลับไปที่อุปกรณ์เพื่อให้ ระบบสามารถวัดระยะทางได้ และความนำความแตกต่างของระยะเวลาของลำแสงต่างๆ ที่ไปกระทบนั้น มาประมวลผลเป็นข้อมูลภาพ 3 มิติแล้ว AI มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ LiDAR scanner ได้อย่างไร? AI เข้ามามีส่วนสำคัญอย่างมากในการประมวลผลของ LiDAR Scanner ในการสร้างภาพ3 มิติ โดยใช้ Deep learning ในการช่วย เนื่องจากการสร้างภาพ 3 มิติ นั้นจะต้องใช้การคำนวณจำนวนมากและต้องรวดเร็ว โดยที่ AI จะเข้ามาช่วยในการคำนวณค่าหาต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และนอกเหนือจากนั้น AI ยังสามารถช่วยเติมข้อมูลที่ขาดหายไป เนื่องจาก LiDAR จะเก็บข้อมูลจากแสงที่สะท้อนกลับเข้ามาแต่ในบางพื้นที่ก็ไม่สามารถเก็บได้หมด หรือเก็บได้ไม่ครบถ้วนทำให้ข้อมูลขาดหาย เลยทำให้นำมาคำนวณต่อไม่ได้ AI จึงมีส่วนเข้ามาช่วยในการคิดคำนวณข้อมูลที่หายไปเหล่านั้นให้สมบูรณ์ สรุปได้ว่านอกจากมาช่วยทำให้คำนวณได้เร็วขึ้นแล้วยังทำให้ภาพ 3 มิติ ที่ออกมานั้นมีความสมบูรณ์อีกด้วยขอยกตัวอย่าง LiDAR ใกล้ตัวที่เราใช้กันคือ LiDAR บนกล้องโทรศัพย์มือถือ IPHONE 12 Pro 13 Pro 14 Pro ก็ได้ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งประโยชน์ของมันทำให้เราสามารถวัดได้แม่นยำขึ้นในการวัดระยะต่าง ๆ รวมถึงการถ่ายรูปในที่มืด LiDAR ช่วยในการโฟกัสอีกด้วย จากประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่าการที่กล้องมือถือมีการติด LiDAR เข้ามาทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูปมากขึ้น ทั้งในการถ่ายภาพตอนกลางวันและจะเห็นผลชัดมากขึ้นในตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังคาดว่าในอนาคตโทรศัพท์มือถือในท้องตลาดจะมีการเพิ่มเทคโนโลยี LiDAR เข้าไปให้เห็นมากขึ้นนอกเหนือจาก IPHONE รุ่น Pro จาก Apple เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูปให้กับโทรศัพท์มือถืออีกด้วยเครดิตภาพ :ภาพปกโดย macrovector จาก freepik.com นำมาแต่งโดยแอป Procreateภาพที่1 โดย macrovector จาก freepik.comภาพที่2 โดย macrovector จาก freepik.comภาพที่3 โดย macrovector จาก freepik.comภาพที่4 โดย macrovector จาก freepik.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !