รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
14 กรกฎาคม 2566 ( 09:26 )
52

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up บริเวณ 1,500+- จุด แม้ผลการลงมติของสภาจะยังไม่สามารถได้ตัวนายกฯคนใหม่ แต่คาดว่าหุ้น Global Play โดยเฉพาะพลังงานคาดยังประคองตลาดได้ต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น สำหรับการโหวตนายกฯ รอบที่ 2 ซึ่งกำหนดวันที่ 19 ก.ค. อาจยังเห็นการเสนอชื่อนายพิธาซ้ำ แต่เราคาดว่าจะยังคงไม่ผ่านเช่นเดิม และเราคาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักมากขึ้นสำหรับการเปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อนายกฯในช่วงถัดไป ซึ่งคาดตลาดทุนจะตอบรับเชิงบวกมากกว่าจากนโยบายพรรคที่เป็นฝั่งทุนนิยม 

 

โดยหากมองข้ามปัจจัยการเมืองและท้ายสุดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เรามองเป็นบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะถัดไป เป็นบวกต่อ Domestic Play ขณะที่หุ้นกลุ่มทุนใหญ่ที่ปรับลงจากความกังวลนโยบายของพรรคก้าวไกลมีโอกาสฟื้นตัวในระยะถัดไป 

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA

 

หุ้นเด่นวันนี้ : BEM

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท

• ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าและจำนวนรถยนต์บนทางด่วนคาดว่ากลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ค.-มิ.ย. หลังจากผ่านช่วงเทศกาลวันหยุดยาว รวมถึงนักเรียนเริ่มกลับมาเปิดเทอม 

• ราคาหุ้นที่ปรับลงจาก High ราว 1.50 บาทหรือ 15% ช่วงก่อนหน้าสะท้อนความกังวลจากประเด็นประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่รัฐบาลใหม่อาจมีนโยบายเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากและเสมือนไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากสายสีส้มไปแล้ว ขณะที่ทิศทางผลการดำเนินงานหลักเติบโตขึ้นต่อเนื่อง 

• แนวรับ 8.20//8 บาท แนวต้าน 8.60-8.70//9 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ความกังวลดอกเบี้ย Fed เริ่มคลี่คลาย ไทยรอโหวตนายกฯ รอบสอง 

 

• ต่างประเทศ ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ลดลง นักลงทุนเชื่อว่า Fed จะมีขอบเขตในการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากตัวเลข PPI ออกมาชะลอตัวลง (0.1% YoY) สอดคล้องกับเงินเฟ้อที่ออกมาชะลอตัว ขณะที่ Dollar อ่อนค่า (ล่าสุด Dollar Index 99.7 จุด)

 

• จีน ยังคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะมีการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากส่งออกชะลอตัวลง ขณะที่นายกฯ จีนมีการพบปะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ เพื่อผลักดัน และสนับสนุนทางเศรษฐกิจ

 

• การโหวตนายกฯ ออกมาตามคาด ยังไม่ได้นายกฯ (โหวตครั้งต่อไป 19 ก.ค.) หากการโหวตครั้งต่อไปคุณพิธายังไม่สามารถผ่านการโหวตนายกฯ  ทำให้โอกาสที่ “เพื่อไทย” จะพลิกมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสูงขึ้น นักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งบทจบในเรื่องนี้กันบ้าง การเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก

 

• นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทยต่อ แต่น้อยลงจากวันก่อน ๆ วานนี้(13) Net Sell 11.6 ล้านบาท 

 

• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. ของญี่ปุ่น

 

Strategy

• เรายังไม่ได้นายกฯ คนที่ 30 แต่นักลงทุนบางกลุ่มที่เล็งว่าบทจบน่าจะออกมาดี จะเริ่มเข้ามาซื้อหุ้น หุ้นที่จะเป็นบวก จะเป็นหุ้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่  อาทิ  GULF , TRUE  แต่ยังควรเลี่ยงหุ้นที่อาจมีความเสี่ยงจาก การเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไปก่อน

• Fed ขึ้นดอกเบี้ยได้จำกัด และเก็งจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นชุดนี้  PTTEP, IVL, HANA, PSL

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ TRUE*, IVL เข้ามา และคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย TRUE*(10%), IVL(10%),  PTTEP(10%), NEX(10%), CBG(10%)

 

Strategy Stock Pick

TRUE*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 6.90 บาท) “คาดผลประกอบการหลักดีขึ้นใน 2H23E, ลุ้นราคาหุ้นฟื้น”

•รายได้บริการจะฟื้นตัว HoHหนุนด้วย ARPU ของธุรกิจ Mobile และ Broadband ที่ฟื้นตัวพร้อมกับ Subscriber ตาม Seasonal

•ประเมิน Downside ของราคาหุ้น TRUE เริ่มจำกัด หลังปรับฐานรับความเสี่ยงกว่า -16% นับจากเดือน พ.ค.รับความเสี่ยงด้านการเมือง

•Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E (งบเสมือน) เฉลี่ยที่ 1.2 พัน ลบ. พลิกจากขาดทุนในปีก่อน ส่วนปี 2024 ตลาดประเมินกำไรเฉลี่ยที่  3.7 พัน ลบ.  +208%YoY ตามลำดับ

 

Technical : BGRIM, DEXON

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,480 – 1,490 แนวต้าน 1,500 – 1,510 รอผลโหลตเลือกนายก ฯ รอบ 2 วันที่ 19 ก.ค. แนะนำทยอยซื้อ BBL,KBANK,SCB,KTB คาดกำไร Q2/66 ฟื้นตัว QoQ,YoY / พลังงาน PTT,PTTEP,TOP,BCP,IVL คาดอุปสงค์ฟื้นตัว /กลุ่มปลอดภัย ADVANC,INTUCH*/ เก็งกำไรกลุ่มไฟฟ้า GULF*,GPSC*,BGRIM* หากพิธาไม่ผ่านโหวตรอบ 2  

 

 ICHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus16.00 บาท) แนวโน้มกำไร 2Q66 เติบโตได้ต่อเนื่องมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว และสภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อนกว่าปกติในปีนี้ โดยในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 7.3 พันล้านบาท +15%YoY หนุนจากตลาดชาเชียวพร้อมดื่มในประเทศที่กลับมาเติบโต และตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV ขณะที่กลุ่มไม่ใช่ชาเขียวสินค้าใหม่ Tansansu ได้รับการตอบรับที่ดี และกำลังขยายช่องทางจำหน่ายให้มากขึ้น เสริมด้วยธุรกิจรับจ้างผลิต OEM ที่ได้พาร์ทเนอร์รายใหม่กับเครื่องดื่มแบรนด์อีฟจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ 2Q66 ในขณะเดียวกันคาดต้นทุนการผลิตจะปรับลดลงจากการใช้กำลังการผลิตทีมากขึ้น โดยสิ้นปีนี้คาดกำลังการผลิต (Utilization Rate) จะอยู่ที่ 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 62% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66 ราว 829 ล้านบาท +29%YoY

 

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่ 3,655 ลบ.(+21.65%YoY, -11.36%QoQ) โดยในส่วนของรายได้โตได้ดีทั้ง7-11(+9%YoY) และMakro+ Lotus(+5%YoY)  จากTraffic การเดินทางที่เพิ่มขึ้นรวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว/PostCovid-19 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาพรายได้จะโตดีแต่คาดว่ามาร์จิ้นจะถูกกดดันจาก 1.ต้นุทนที่สูงขึ้น และฝั่ง Makro+ Lotus มีการทำโปรโมชั่น/ปรับราคาขายสินค้าลงเพื่อหนุนรายได้/ระบายInventory 2.ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการ refinance ของ CPAXT* ราว -232 ลบ.(ก่อนภาษี) ส่วนช่วงถัดไป 2H66 นี้ เราคาดว่าจะดีกว่าครึ่งแรกจาก 1.การฟื้นตัวฝั่งนักท่องเที่ยว(peak ในQ4)  2. การ refinance ของ MAKRO*  เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ที่เสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว และ 3.แม้จะยังไม่ทราบค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.66 แต่เราคาดว่ามีโอกาสที่จะปรับลดลงต่อจากงวด พ.ค.—ส.ค.66

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง