กรุงศรีอยุธยา ผ่านการปกครองโดยราชวงศ์มา 5 ราชวงศ์ เริ่มต้นด้วย ราชวงศ์อู่ทอง,ราชวงศ์สุพรรณภูมิ,ราชวงศ์สุโขทัย,ราชวงศ์ปราสาททอง และไปจบที่ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งนับรวมกันแล้วปกครองกรุงศรีอยุธยานานรวม 417 ปี ในส่วนของราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้น ครองอำนาจกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่ พ.ศ.2231 ด้วยการรัฐประหารสมเด็จพระนารายณ์ กษัตริย์ในราชวงศ์ปราสาททอง แล้วสถาปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์บ้านพลูหลวงครองอยุธยาจนเสียกรุงครั้งที่ 2 ในบทความนี้ผมจะไม่มากล่าวถึงที่มาของชื่อราชวงศ์บ้านพลูหลวงนะครับ เพราะยังมีข้อถกเถียงในวงวิชาการมากมาย แต่ผลจะมาวิเคราะห์ให้ทุกท่านได้รับฟังว่า กรุงศรีอยุธยาในราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้น มีลักษณะเป็นอย่างไร เเละภาพลบที่เป็นลบของราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้น เป็นนจริงเช่นนั้นหรือไม่ อยากให้ทุกท่านได้ลองอ่านกันดูครับบริเวณที่เป็นวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นที่ประดิษฐานองค์พระศรีสรรเพชญ์ พระประธานของวัด https://bit.ly/2V3C4PT หลังการยึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์มาได้ของออกพระเพทราชา ก็ได้มีการปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์และสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวงขึ้นครองกรุงศรีอยุธยาดังที่ทุกท่านคงพอจะทราบ ไม่ว่าจากการดูละครบุพเพสันนิวาสหรือจากช่องทางใด แต่หลังขึ้นครองราชย์ได้นั้น ก็ต้องเจอกับสภาวะที่ว่า "เกิดกบฏ" ของบรรดาข้าเก่าเต่าเลี้ยงในพระบรมวงศานุวงศ์ราชวงศ์ก่อน เช่น กบฏธรรมเถียร กบฏเจ้าเมืองสนครศรีธรรมราชและนครราชสีมา จนต้องใช้เวลาในการปราบปรามอยู่หลายปี โดยสมเด็จพระเพทราชาก็ต้องทรงพยายามควบคุมสถานการณ์ให้อยู่และสร้างเสถียรภาพให้กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงโดยมี พระเจ้าเสือ ซึ่งเวลานั้นครองตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงล หรือตำแหน่งวังหน้านั้นเองเป็นผู้ช่วยเหลือในรัชสมัยต่อมา คือ รัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าเสือ หรือ พระสรรเพชญ์ที่ 8 พระเจ้าเสือก็ได้ใช้อุบายฆ่าโอรสในพระเพทราชาอีกองค์หนึ่งมาเช่นกัน ซึ่งเป็นคนที่สมเด็จพระเพทราชาหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นผู้สืบราชบัลลังก์อยุธยา แต่สุดท้ายก็เป็นพระเจ้าเสือซึ่งได้ขึ้นครองราชย์ ในรัชสมัยของพระองค์นั้น ไม่ว่าทุกท่านจะรู้สึกต่อพระเจ้าเสือในด้านลบสักเพียงใด ว่าเจ้าชู้ ไม่มีภาวะความเป็นกษัตริย์ แต่ในความเป็นจริง สมัยของพระเจ้าเสือ สร้างรากที่เป็นปึกแผ่นให้อยุธยา ด้วยความที่พระองค์เป็นคนเข้มงวด และในคำให้การชาวกรุงเก่าก็บอกว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ที่เห็นแก่ราษฏร ทำให้พออนุมานภาพได้ว่า สมัยของพระเจ้าเสือนั้น สามารถควบคุมคนและอำนาจให้ราชวงศ์บ้านพลูหลวงได้อย่างชัดเจนในรัชสมัยต่อมา คือ รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ.......แม้ตัวของพระเจ้าท้ายสระจะได้เป็นกษัตริย์อยุธยาก็จริง แต่ก็หาใช่ความต้องการของพระเจ้าเสือไม่ครับ เพราะแต่แรกพระเจ้าเสือวางพระเจ้าบรมโกศให้ได้เป็นกษัตริย์อยุธยา แต่ในเวลานั้นพระเจ้าบรมโกศยังไม่ได้เป็นกษัตริย์นะครับ แต่เป็นโอรสองค์รองในพระเจ้าเสือ โดยมีพี่ชายคือ พระเจ้าท้ายสระ และทั้งคู่ก็รักกันมาก ดังนั้นแม้ว่าก่อนพระเจ้าเสือจะสวรรคต จะมีพระราชประสงค์ให้พระเจ้าบรมโกศได้ขึ้นครองราชย์ก็จริง แต่สุดท้าย พระเจ้าบรมโกศก็ยกบัลลังก์ให้พี่ชายตนเองได้ขึ้นครองราชย์ก่อน แล้วตนเองนั้นไปดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชสมัยของพระเจ้าท้ายสระ การเมืองอยุธยาก็นิ่งครับ เพราะกินบุญจากสมัยพระเจ้าเสืออยู่ แต่ในตอนสิ้นรัชสมัยของพระองค์ จะปรากฏภาพปฐมบทแห่งหายนะที่สำคัญให้อยุธยาเลยหล่ะครับในรัชสมัยต่อมา คือ สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ต้องบอกครับว่า ก่อนจะได้มาขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์นั้น มีเรื่องราวที่ดุเดือดมากมายครับ เพราะก่อนพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจะสวรรคต แทนที่บัลลังก์จะตกแก่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลตามธรรมเนียมกฏมณเฑียรบาล คือ ราชบัลลังก์ต้องได้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่.....พระเจ้าท้ายสระก็กลับทำสิ่งที่ผิดพลาดคือ การมุ่งให้โอรสตนเองขึ้นครองราชย์จนกลายเป็นเหตุนองเลือดสิครับ เพราะวังหน้าอย่างพระเจ้าบรมโกศในเวลานั้นก็คิดว่าถึงเวลาครองราชย์ของจนเองแล้ว แต่สุดท้ายต้องมาเปิดศึกกันกลางพระนครแย่งชิงราชบัลลังก์กันกับโอรสพระเจ้าท้ายสระ เกิดคนตายในพระนครจำนวนมาก เกิดการฆ่าพระบรมวงศานุวงศ์จำนวนหลายคนและเหล่าขุนนางเดิมอีกมากมายกว่าจะได้มาซึ่งบัลลังก์วัดไชยวัฒนาราม หนึ่งในวัดที่ได้รับการบูรณะโดยเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ https://unsplash.com/photos/sQiYalV4i7E ในรัชสมัยของพระเจ้าบรมโกศหลังได้ครองราชสมบัติแล้วนั้น ก็ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศานามากมาย การค้ารุ่งเรืองถึงขีดสุดในประวัติศาสตร์อยุธยา งานช่างต่างๆ พุทธศาสนาเข้มแข็ง แต่ก็มีการเมืองภายในที่ร้อนแรง คือ การทะเลาะกันภายในพระบรมวงศานุวงศ์และการฉีกกฏเกณฑ์ หรือ ใส่ความกัน จนนำไปสู่การสังลงหวายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ซึ่งเป็นว่าที่กษัตริย์ที่มีความสามารถทั้งในด้านการกวี และการปกครอง เป็นที่ยอมรับในขุนนางและราษฏรมากมาย ท้ายที่สุดแล้วแม้บ้านเมืองสมัยพระเจ้าบรมโกศจะรุ่งเรืองเพียงใด แต่การเมืองภายในก็เป็นสิ่งที่ยากจะแก้แล้ว นำไปสู่ภาวะสงครามในรั้วในวังขึ้นอีกครั้งวัดพระศรีสรรเพชญ์ ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้รับการบูรณะโดยเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือ เจ้าฟ้ากุ้งhttps://unsplash.com/photos/6dMtbq7iyYc ในรัชสมัยต่อมา คือ พระเจ้าอุทุมพร เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าบรมโกศที่จะให้โอรสองค์เล็กสุดพระองค์นี้ได้ขึ้นครองราชย์ครับ เหนือ เจ้าสามกรม และ เจ้าฟ้าเอกทัศน์ ในรัชสมัยพระเจ้าอุทุมพรนั้นเป็นเเต่เพียงช่วงสั้น ๆ ครับ เเต่ก็มีเรื่องให้ต้องจัดการ คือ ทรงล่อลวงเจ้าสามกรม ซึ่งเป็นโอรสในพระสนมของพระเจ้าบรมโกศ มาสำเร็จโทษเสีย แต่ในเรื่องการปกครองนั้นไม่สามารถทำอะไรมากได้ครับ เพราะพระเชษฐาก็หวังในราชสมบัติ จึงทรงหลีกทางให้พระเชษฐาขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์ หรือ พระเจ้าเอกทัศน์นั่นเองในรัชสมัยสุดท้าย คือ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์ หรือ พระเจ้าเอกทัศน์ แม้หลายท่านจะเข้าใจว่า เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถเพียงใด หรือเป็นต้นตอให้อยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่ในที่นี่ ผมขอยกหลักฐานร่วมสมัย คือ คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม หรือ คำให้การชาวกรุงเก่านั่นแหละครับ ที่กล่าวว่า ในรัชกาลของพระองค์นั้น กรุงศรีอยุธยาบ้านเมืองดี พระเจ้าเอกทัศน์ทำนุบำรุงพระศาสนา และเห็นแก่ราษฏร แม้ว่าในวาระสุดท้าย กรุงศรีอยุธยาถูกกองทัพอังวะรุกรานจนเสียกรุง แต่พระเจ้าเอกทัศน์ก็ทรงบัญชาการการรบเเข็งขันหนักแน่นจนวาระสุดท้ายจริง ๆ เอาหล่ะครับ ทั้งหมดนี้ก็คือสภาพการเมืองและชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยาในเงื้อมมือสมัยของกษัตริย์จากราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผมคิดว่า หลายท่านออาจจะคิดว่าอยุธยาถึงสุดเสื่อมในช่วงก่อนการเสียกรุงครั้งที่ 2 ผมก็จะไม่ปฏิเสธหรอกนะครับ แต่คำว่า "เสื่อม" นั้น เราจะมาตีความว่าทุกอย่างของอยุธยาเสื่อมไม่ได้เลยครับ สังเกตุง่าย ๆ ดูสิครับว่า ความรุ่งเรืองของอยุธยา ก็ยังมีได้ในราชวงศ์บ้านพลูกหลวง เพียงแต่สิ่งที่เสื่อมนั้น คือการเมืองการปกครอง ที่หลักเกณฑ์นั้น ใช้เป็นบรรทัดฐานไม่ได้เลยในราชวงศ์บ้านพลูหลวง และการรบราฆ่าฟันกันกลางเมือง ล้างขุนนางและพระบรมวงศานุวงศ์ที่บ่อยครั้งมากเกินไป ทำให้ขาดความต่อเนื่อง เสียบุคลากรที่มีคุณภาพไป และได้คนด้อยประสบการณ์มา ดังนั้น พระเจ้าเอกทัศน์จึงเป็นผู้โชคร้ายที่ต้องมารับเคราะห์จากสถานการณ์ที่สั่งสมมานานเท่านั้นเอง แต่โดยส่วนตัวเเล้ว ผมคิดว่า ราชวงศ์บ้านพลูหลวงก็เป็นราชวงศ์ที่ดีราชวงศ์นึง แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและอำนาจทั้งหมดลงนั่นเองเครดิตภาพหน้าปก https://unsplash.com/