โรงเรียนระงม ผวาพิษค่าไฟ ร้องกกร.ช่วยกระทุ้งรัฐ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานร่วมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงปัญหาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะใช้รอบเดือนมกราคม – เมษายน 2566 อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าภาคธุรกิจจัดเก็บอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหน่วย ส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจเพิ่มสูง ว่า ขณะนี้มีเจ้าของธุรกิจในทุกภาคส่วนให้ข้อมูลถึงความเดือดร้อนจากการปรับขึ้นค่าไฟ และร้องขอให้หอการค้าไทยและ กกร.ประสานไปยังรัฐบาล ล่าสุดผู้ประกอบการโรงเรียนหลายแห่งแจ้งว่า ค่าไฟดังกล่างจะส่งผลกระทบเดือดร้อนมาก เพราะโรงเรียนหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศในห้องเรียนและห้องกิจกรรม จึงไม่กระทบแค่ภาคอุตสาหกรรม การค้า บริการ หรือท่องเที่ยวเท่านั้น สถาบันการศึกษาก็เจอปัญหาด้วย ภาคเอกชนจึงหวังว่าการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในเร็วๆ นี้จะมีการทบทวนค่าเอฟทีดังกล่าว
รายงานข่าวจาก กกพ.แจ้งว่า ว่าขณะนี้ได้รับรายงานว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ส่งข้อมูลต้นทุนราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว ดังนั้นวันที่ 26 ธันวาคมนี้ คาดว่า กฟผ.จะส่งข้อมูลมาให้ กกพ.เพื่อพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย
รายงานข่าวแจ้งว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าต้นทุนหลายส่วนมีการพิจารณาในขั้นสุดท้ายแล้ว คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยกเว้นในส่วนต้นทุนเชื้อเพลิง คือราคาก๊าซ ราคาน้ำมัน และแนวทางการคืนหนี้ กฟผ.วงเงิน 1.2 แสนล้านล้านบาท ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้าง หากมีการปรับเปลี่ยน มีการยืดหนี้ออกไป ก็คาดว่าอาจต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เชื่อว่าขั้นตอนการพิจารณาปรับสูตรค่าไฟสำหรับเอกชนจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้แน่นอน หลังจากนั้น กกพ.จะทำหนังสือแจ้ง กฟผ.ประกาศค่าไฟอย่างเป็นทางการต่อไป