มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง ผักจากโครงการหลวง ปลูกปลอดสารพิษ? มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ทุกวันนี้หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องอาหารปลอดภัยและสุขอนามัยมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกซื้อผักปลอดสารพิษ เพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวให้ห่างไกลจากสารเคมีตกค้าง แต่สิ่งที่หลายคนยังลังเลคือจะรู้ได้อย่างไรว่าผักที่เห็นในตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นปลอดภัยจริง ไม่ผ่านการเร่งโตหรือพ่นสารควบคุม แม้จะมีคำว่า “ออร์แกนิก” หรือ “ปลอดสารพิษ” บนฉลาก แต่ก็มักมีคำถามตามมาว่าแหล่งผลิตเชื่อถือได้แค่ไหน มีการตรวจสอบอย่างไร และใครเป็นผู้ควบคุมมาตรฐานเหล่านั้น ซึ่งหนึ่งในชื่อที่คนไทยคุ้นหูและมักถูกพูดถึงบ่อย เมื่อพูดถึงผักปลอดสารพิษคือ โครงการหลวง หลายคนอาจเคยเห็นโลโก้โครงการหลวงบนบรรจุภัณฑ์มะเขือเทศเชอร์รี่ ผักสลัด หรือผลไม้เมืองหนาวตามซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วผักจากโครงการหลวงปลูกแบบไหน ปลอดสารพิษจริงหรือไม่ และแตกต่างจากผักทั่วไปอย่างไร ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจทั้งหมดให้ชัดเจน ตั้งแต่แนวทางการปลูกของโครงการหลวง วิธีดูผักปลอดสารพิษแท้ ไปจนถึงจุดจำหน่ายที่เราสามารถเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ ว่าผักที่เราหยิบใส่ตะกร้านั้นปลอดภัยทั้งต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงค่ะ โดยมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองจากโครงการหลวงนั้น เป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เพียงหาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ เช่น แม็คโคร บิ๊กซี หรือกูร์เมต์มาร์เก็ตเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีจำหน่ายในร้านโครงการหลวงภายในสนามบินหลายแห่งทั่วประเทศ เช่น สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นจุดที่นักเดินทางสามารถเลือกซื้อผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโครงการหลวงเป็นของฝาก หรือของรับประทานระหว่างเดินทางได้อย่างสะดวก ซึ่งผักและผลไม้ทุกชนิดในร้านเหล่านี้ ได้รับการจัดส่งตรงจากศูนย์ผลิตบนพื้นที่สูงภายใต้ระบบควบคุมคุณภาพเดียวกันกับที่จำหน่ายในห้างค่ะ ทำให้มั่นใจได้ถึงความสด สะอาด และปลอดสารพิษอย่างแท้จริงนะคะ นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น Royal Project Product Festival ยังมีการนำสินค้าผักผลไม้ปลอดสารพิษจากดอยอ่างขาง ดอยคำ หรือดอยอินทนนท์ มาจำหน่ายในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงจุดจำหน่ายถาวรอย่าง Royal Project Shop ในจังหวัดเชียงใหม่และร้านตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงของดีจากยอดดอยได้ง่ายขึ้น แม้จะอยู่ในเมืองใหญ่หรือกำลังเดินทาง มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองพันธุ์หวานจากโครงการหลวง จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของอาหารปลอดภัยที่มอบทั้งความอร่อย และความภูมิใจในวิถีเกษตรไทยอย่างยั่งยืนค่ะ และหลายคนอาจสงสัยว่ามะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองจากโครงการหลวงนั้น ปลูกอย่างไร ถึงได้ผลผลิตที่ทั้งสวย สด และปลอดสารพิษได้ขนาดนี้ เพราะเมื่อมองด้วยตาเปล่า ผลมะเขือเทศจะมีสีเหลืองทองสดใส เนื้อแน่น รสหวานฉ่ำ ต่างจากมะเขือเทศทั่วไปที่มักพบในตลาด คำถามนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจค่ะ เพราะเบื้องหลังของผลผลิตเล็กๆ เหล่านี้ คือ ระบบการเกษตรที่ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งโครงการหลวงไม่ได้เน้นเพียงการปลูกเพื่อขายนะคะ แต่เน้นการปลูกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของผู้บริโภคด้วย ทุกแปลงปลูกจึงอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดและเป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น การใช้ระบบน้ำหยด การปลูกในโรงเรือนกางมุ้ง และการใช้ชีวภัณฑ์ทดแทนสารเคมี จึงทำให้มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองทุกลูกไม่เพียงสดใหม่จากยอดดอย แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณของการปลูกอย่างยั่งยืนที่โครงการหลวงยึดถือมาตลอด เพราะล่าสุดผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปในที่เพาะปลูกมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะเล่าต่อว่าเป็นยังไงค่ะ งั้นอ่านต่อกันเลยดีกว่า... คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า โครงการหลวงถือเป็นต้นแบบของการเกษตรเพื่อความยั่งยืนที่เน้นแนวทางลด ละ เลิก ใช้สารเคมี โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างผลผลิตที่มีคุณภาพกับความปลอดภัยของผู้บริโภค เกษตรกรภายใต้โครงการจะได้รับการสนับสนุนให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การปรับปรุงดินด้วยวัสดุธรรมชาติ และการควบคุมศัตรูพืชด้วยชีวภัณฑ์แทนการใช้สารเคมีรุนแรง เพื่อให้ผักที่ปลูกทุกชนิดตั้งแต่มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง ผักสลัด ไปจนถึงผลไม้เมืองหนาวต่างๆ เติบโตอย่างปลอดภัยโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม กระบวนการปลูกจึงไม่เพียงเน้นที่ผลผลิตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนแนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสุขอนามัยของผู้บริโภคในทุกขั้นตอนค่ะ และอีกสิ่งที่ทำให้โครงการหลวงแตกต่างจากการปลูกทั่วไป คือ ระบบตรวจสอบย้อนกลับและการอบรมเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ทุกแปลงปลูกมีการบันทึกข้อมูลตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ วิธีการปลูก ปุ๋ยที่ใช้ ไปจนถึงกระบวนการเก็บเกี่ยว ทำให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลผลิตได้อย่างโปร่งใส ขณะเดียวกันเกษตรกรยังได้รับการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีการเกษตร การจัดการดินและน้ำ รวมถึงแนวทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่าความปลอดภัยของอาหารเริ่มต้นจากวิธีคิดและการลงมือทำในทุกวัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผักจากโครงการหลวงได้รับความเชื่อมั่นว่า ปลอดภัยจริงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายทางค่ะ เพราะการปลูกผักแบบกางมุ้งเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการใช้สารเคมีได้อย่างเป็นระบบ จากที่โครงสร้างของมุ้งพลาสติกหรือมุ้งตาข่าย จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้แมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยอ่อน หนอนชอนใบ แมลงหวี่ขาว หรือแมลงวันทอง เข้ามาทำลายพืชผักโดยตรง การกางมุ้งจึงเป็นการป้องกันเชิงกายภาพที่ปลอดภัยต่อทั้งพืชและผู้ปลูก โดยไม่ต้องพึ่งพาการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงบ่อยครั้งเหมือนระบบเปิด ผลที่ตามมาคือสามารถลดการสะสมของสารพิษในแปลงปลูก ดิน และแหล่งน้ำใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน ทั้งยังช่วยรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อแมลงศัตรูลดลงตามธรรมชาติ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์อย่างผึ้งหรือแมลงช่วยผสมเกสร นอกจากนี้มุ้งยังช่วยลดการปนเปื้อนจากฝุ่น ละอองน้ำฝน หรือสารเคมีจากพื้นที่ข้างเคียงที่อาจพัดพามาโดยลมได้อีกด้วย ในอีกด้านหนึ่งการปลูกผักแบบกางมุ้งยังช่วยให้เกษตรกรควบคุมสภาพแวดล้อมของแปลงปลูกได้ดีขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น หรือแสงแดด ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช ผักที่ปลูกในระบบนี้มักมีขนาดสม่ำเสมอ สีสวยสด และกรอบน่ารับประทาน เพราะไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวนหรือการทำลายจากแมลง พืชที่แข็งแรงย่อมมีภูมิต้านทานต่อโรคตามธรรมชาติสูงขึ้น ลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีควบคุมโรคพืชอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนระยะยาวจากการซื้อสารกำจัดศัตรูพืช และลดความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของเกษตรกรที่มักต้องสัมผัสสารเคมีโดยตรง การปลูกผักแบบกางมุ้งจึงไม่เพียงเป็นนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของอาหาร แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญของการเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เหมาะกับพื้นที่ปลูกผักคุณภาพสูงอย่างโครงการหลวง ที่ต้องการคงมาตรฐานปลอดภัยจากสารพิษอย่างแท้จริงค่ะ ซึ่งโครงการหลวงเลือกใช้ระบบน้ำหยดในแปลงปลูกค่ะ เพราะเป็นวิธีการให้น้ำที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับพื้นที่ภูเขาสูงที่มีข้อจำกัดด้านแหล่งน้ำ ระบบน้ำหยดช่วยให้น้ำซึมลงสู่รากพืชโดยตรงในปริมาณที่เหมาะสม ลดการสูญเสียน้ำจากการระเหยและการไหลบ่าหน้าดิน อีกทั้งยังช่วยรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตมีคุณภาพ การให้น้ำแบบนี้ยังช่วยลดการกระจายของโรคที่เกิดจากความชื้นส่วนเกินบนใบพืช และป้องกันการเกิดดินแข็งตัวซึ่งมักพบในระบบรดน้ำแบบพ่นฝอยหรือใช้แรงดันสูง ระบบน้ำหยดจึงเป็นการจัดการน้ำอย่างชาญฉลาดที่สอดคล้องกับหลักเกษตรยั่งยืนของโครงการหลวง นอกจากนี้ระบบน้ำหยดยังช่วยให้การใช้ปุ๋ยและสารอาหารในแปลงปลูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือน้ำหมักชีวภาพเข้ากับน้ำในระบบเพื่อส่งตรงถึงรากพืชได้โดยไม่สูญเปล่า วิธีนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดปุ๋ยแต่ยังลดการปนเปื้อนของสารอาหารส่วนเกินลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้ทั้งกระบวนการปลูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้บริโภค เกษตรกรในโครงการหลวงยังสามารถควบคุมปริมาณน้ำตามระยะการเจริญเติบโตของพืชได้ง่ายขึ้น จึงลดความเสี่ยงจากโรคเหี่ยวเฉา หรือการให้น้ำมากเกินไปที่ทำให้รสชาติและคุณภาพของผลผลิตลดลง ระบบน้ำหยดจึงไม่ใช่แค่เทคนิคการให้น้ำเท่านั้น แต่เป็นหัวใจของการปลูกผักปลอดสารพิษที่ช่วยให้ทุกหยดน้ำสร้างคุณค่าทั้งต่อพืช คน และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โดยมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองจากโครงการหลวงมีจุดสังเกตที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าเป็นผลผลิตปลอดสารพิษจริง สิ่งแรกคือลักษณะภายนอกของผลผลิตค่ะ มะเขือเทศจะมีผิวเรียบเป็นธรรมชาติ สีเหลืองทองสดแต่ไม่มันเงาผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผลไม่ผ่านการเคลือบสารเคมี เพื่อให้ดูเงางามหรือยืดอายุการเก็บรักษา อีกทั้งผลมักมีขนาดไม่เท่ากันนัก บางลูกมีจุดด่างเล็กน้อยหรือสีเข้มอ่อนต่างกันตามธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการปลูกในระบบชีวภาพที่ไม่เร่งการเติบโตด้วยสารกระตุ้น การสังเกตที่สำคัญอีกอย่างคือกลิ่นนะคะ มะเขือเทศจากโครงการหลวงมักมีกลิ่นหอมอ่อนตามธรรมชาติ ไม่มีกลิ่นสารเคมีตกค้าง และเมื่อล้างจะไม่รู้สึกถึงคราบมันบนผิวผลค่ะ และอีกจุดที่ช่วยยืนยันความปลอดภัย คือ ข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับและตรารับรองคุณภาพ ซึ่งติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของโครงการหลวงทุกชุด ผู้บริโภคจะพบตรา “โครงการหลวง” พร้อมรหัสแหล่งผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ว่ามาจากศูนย์ผลิตใด เช่น ดอยอ่างขาง ดอยคำ หรือดอยอินทนนท์ นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน GAP หรือ Q ที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตร ซึ่งรับรองว่าผลผลิตผ่านการตรวจสอบสารตกค้างและการจัดการแปลงปลูกอย่างถูกหลักอนามัยสิ่งแวดล้อม ความละเอียดรอบคอบในทุกขั้นตอนนี้ทำให้มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองจากโครงการหลวงไม่เพียงเป็นผักปลอดสารพิษค่ะ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเกษตรปลอดภัยที่สร้างความเชื่อมั่นระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภคในระยะยาวอีกด้วย และในยุคที่เราทุกคนให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร การเลือกบริโภคผลผลิตจากแหล่งที่เชื่อถือได้คือสิ่งจำเป็น มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองจากโครงการหลวง คือ หนึ่งในตัวอย่างของผักผลไม้ที่ปลูกด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การปลูกในระบบน้ำหยดและโรงเรือนกางมุ้ง ไปจนถึงการตรวจสอบสารตกค้างก่อนจำหน่าย ซึ่งผลมะเขือเทศสีเหลืองทองเหล่านี้ไม่เพียงมีรสหวานกรอบอร่อย แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของเกษตรกรบนพื้นที่สูงที่ร่วมกันรักษามาตรฐานปลอดสารพิษ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าทุกคำที่กินนั้นปลอดภัยต่อร่างกายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงค่ะ เมื่อเราสนับสนุนผลผลิตจากโครงการหลวง ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง ผักสลัด มันฝรั่ง บรอกโคลี หรือผลไม้เมืองหนาวชนิดอื่นๆ เราไม่ได้เพียงเลือกอาหารคุณภาพดีเข้าสู่ครัว แต่ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขอนามัยในระดับชุมชน เพราะผลผลิตเหล่านี้ปลูกด้วยระบบเกษตรยั่งยืนที่ลดการใช้สารเคมี ดูแลดินและแหล่งน้ำให้คงความสมบูรณ์ เกษตรกรได้รับการอบรมให้เข้าใจหลักสุขาภิบาลอาหารและการจัดการฟาร์มอย่างปลอดภัย จึงเป็นห่วงโซ่อาหารที่เชื่อมโยงระหว่างสุขอนามัยของผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยตรง การซื้อสินค้าจากโครงการหลวงจึงเท่ากับการร่วมรักษาสมดุลของธรรมชาติและสุขอนามัยของคนไทยไปพร้อมกัน และถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะหันมาเลือกสนับสนุนผักผลไม้จากโครงการหลวงให้มากขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเลือกกินของดีนะคะ แต่คือการเลือกทางเดินแห่งความยั่งยืนที่เริ่มจากจานอาหารของเราเอง เพราะทุกครั้งที่เราซื้อมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากโครงการหลวง เรากำลังส่งกำลังใจให้เกษตรกรไทยที่ตั้งใจทำเกษตรปลอดภัยอย่างแท้จริง และร่วมสร้างสังคมที่ใส่ใจสุขอนามัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้อนาคตของอาหารไทยมั่นคง ปลอดภัย และเติบโตเคียงคู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนค่ะ สำหรับผู้เขียนนั้นปัจจุบันอาศัยอยู่ใกล้กับโครงการหลวงดอยคำนะคะ และสามารถเข้าถึงผักต่างๆ รวมถึงมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลืองได้ง่ายๆ ด้วยการซื้อที่หน้าโครงการหลวงเลยค่ะ สำหรับที่อื่นเคยไปซื้อเสาวรถสีแดงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และตอนไปเที่ยวที่เชียงใหม่มีโอกาสได้ซื้อผักหลายชนิดที่มีสัญลักษณ์ว่า “โครงการหลวง” ค่ะ สำหรับที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ผู้เขียนก็ไปมาแล้วนะคะ มีจุดขายผักจากโครงการหลวงเหมือนกันค่ะ โดยโครงหลวงการแต่ละแห่งจะมีพืชผักและผลไม้เด่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ชมพู่เพชรสายรุ้ง ที่โครงการชั่งหัวมัน สตรอว์เบอร์รี่เยอะมากที่โครงการหลวงแถวเชียงใหม่ค่ะ ส่วนที่ที่ผู้เขียนไปบ่อยและใกล้บ้านนั้น มีแตงกวาญี่ปุ่น มะเขือเทศเชอร์รี่สีแดงและสีเหลือง มีมะเดื่อฝรั่งด้วยนะคะ แต่ว่าช่วงนี้ยังไม่สุก เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังเรื่องมะเดือฝรั่งค่ะ และในชีวิตประจำวันจริงๆ ตอนนี้หากได้ไปห้างใหญ่ ผู้เขียนก็ยังแวะเวียนไปเลือกซื้อผักจากโครงการหลวงเรื่อยๆ ค่ะ แต่ที่ชอบสุดคือการบุกไปซื้อที่ไปแปลงเพาะปลูกเลย เพราะสามารถเก็บเองได้ด้วย ยังไงนั้นก็อย่าลืมแวะไปซื้อผักจากโครงการหลวงนะคะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #มะเขือเทศเชอร์รี่ #ผักโครงการหลวง #ปลูกผักปลอดสารพิษ #มะเขือเทศสีเหลือง #ผักกางมุ้ง เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 วิธีเลือกผักผลไม้ปลอดสารพิษ ในตลาดสด ทำยังไงดี ดูอะไรบ้าง 10 เคล็ดลับลดสารเคมีตกค้าง ในผักและผลไม้สด ต้องทำอะไรบ้าง? 9 จุดสังเกตผักผลไม้ มีสารเคมีตกค้าง ไม่ปลอดสารพิษ ที่พบบ่อย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !