โควิดฉุดกัญชงชะงัก RBFลูกค้าหวังสรุปไว

นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในเรื่องของการลงทุนเกี่ยวเนื่องกับกัญชงนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ในขั้นตอนยื่นขอใบอนุญาตโรงสกัดสารสำคัญที่มีคุณประโยชน์จากพืชกัญชงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น มองว่าอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะเมื่อไม่นานมีนี้มีการกลับมาระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ความสนใจอาจไปอยู่ที่การคลี่คลายปัญหาโรคระบาดก่อน แต่ก็เชื่อว่าเร็วๆ นี้ ทาง อย. จะมีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งความสนใจในการลงทุนครั้งนี้ของบริษัทคือเป็นทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ

*ออเดอร์ทะลัก

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้บริษัทได้มีลูกค้าหลายรายเข้ามาเจรจาในเบื้องต้น โดยต้องการให้บริษัทคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์การนำสารสกัดจากกัญชงกัญชามาผลิตเป็นสินค้าเพื่อนำออกวางตลาด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำที่บริษัทให้บริการมายาวนาน ทั้งการผลิต อาหารเสริม, อาหาร, เครื่องดื่ม และ เครื่องสำอาง จากปัจจัยดังกล่าวจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตให้กับธุรกิจได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 มองว่ายังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อวางจำหน่ายในท้องตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวัตถุแต่งรสและกลิ่น (Flavour) ที่รับประโยชน์จากยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ดูแลสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

และกลุ่มเกล็ดขนมปัง แป้งและซอส (Food Coating) ที่มีการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและกระแส "ฟู้ด เดลิเวอรี่" เป็นส่วนผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้า Food Coating อีกด้วย มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2564จะมีการเติบโตที่ไม่น้อยกว่า 10-12%เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,187.27ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 519.02 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวยังไม่ถูกนับรวมกับการขยายเข้าสู่ธุรกิจกัญชง รวมถึงธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้

**กัญชงหนุน

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ระบุว่า ทางฝ่ายประเมินรายได้ของ RBF จากธุรกิจกัญชงปี 2564-2566จะอยู่ที่ 600 , 1,400 และ 1,600ล้านบาท โดยมีผลผลิต CBD 3,7,8 ตัน ตามลำดับ โดยประเมินราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่ 2 แสนบาท/กก. และกำไรขั้นต้น (GPM) 70% สำหรับช่วง 2564-2568 (ใกล้เคียงกับธุรกิจรสและกลิ่นที่ 80%) ก่อนจะลดลงเหลือ 50% ในปี 2569พร้อมกับ ASP ที่ลดลงเหลือ 5หมื่นบาท/กก. เนื่องจากการอนุญาตนำเข้า CBD ส่วน SG&A อยู่ที่ 20%ของยอดขาย โดยธุรกิจกัญชงคาดจะสร้างกำไร 240-560ล้านบาท หรือราว 28-48% ของกำไรทั้งหมดในปี 2564-2565ปรับกำไร 2564-2565 ขึ้น 35-100%เพื่อสะท้อนโอกาสจากธุรกิจกัญชง แนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสม 16.2 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรของ RBF ในปี 2564 และปี 2565เพิ่มขึ้น หากอิงตัวเลขเป้ารายได้สาร CBD และเกี่ยวเนื่องของผู้บริหารในปีนี้และปีหน้าที่ 600 ล้านบาท และ 1,200ล้านบาทตามลำดับ จะทำให้ประมาณการมีโอกาสเกิด upside กำไรแต่ละปีราว 120-140 ล้านบาท ตัวเลขคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565ใหม่จะกลายเป็น 1,028 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16%จากคาดการณ์เดิม ดังนั้นอยู่ระหว่างทบทวนราคาเป้าหมายใหม่ โดยหากเป็นไปตามเป้าหมายยอดขายสินค้ากัญชงของบริษัทที่วางไว้ยอดขายที่ 1,200ล้านบาทในปี 2565 ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเป้าหมายของปี 2565ใหม่จะกลายเป็น 20.60 บาทต่อหุ้น จากราคาเดิมที่ 15.60บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาเป้าหมายใหม่จะอิง P/E Ratio ปี 2565ที่ 40 เท่า จากเดิม 35เท่า เพื่อให้ใกล้เคียงกับธุรกิจกัญชงในต่างประเทศ