คลัง ชง ครม. ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ตามการปล่อยคาร์บอน หนุนให้หันมาใช้อีวี

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า เมื่อนโยบายการใช้รถยนต์อีวีมีความชัดเจนขึ้น การใช้น้ำมันก็จะลดลงไปด้วย ฉะนั้น ต่อไปภาษีคาร์บอน จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งขณะนี้กรมกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดเก็บภาษีตัวดังกล่าว เพื่อเตรียมนำมาใช้ในอนาคต เหมือนกับหลายๆประเทศที่มีแนวทางจัดเก็บภาษีในเรื่องนี้แล้ว แต่ในส่วนของประเทศไทยคงจะไม่ได้ออกมาใช้เร็วๆนี้ คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่าในการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ให้ ที่ประชุมพิจารณา เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมให้เกิดการผลิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยหลักการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะปรับขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือรถที่ใช้น้ำมันให้เสียภาษีสูงขึ้นตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงรถอีโคคาร์จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนรถยนต์ประเภทไฮบริดปลั๊กอินจะมีอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) จะเสียภาษีตามอัตราเดิมที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 2% ขณะเดียวกันจะกำหนดพิกัดภาษีรถยนต์ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หรือฟูเอล เซล โดยหาก ครม.เห็นชอบจะมีรถยนต์บางประเภทต้องปรับอัตราภาษีทันที แต่บางประเภทอาจให้มีเวลาปรับตัว 3-4 ปี เช่น รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด อาจจะเริ่มได้หลังปี 2568 เพื่อต้องการมีเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว

โดยการเสนอปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์รอบนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น รวมถึงเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยหากมีปริมาณปล่อยมากก็จะเสียภาษีสูงขึ้น และมีการเก็บเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดแบบอัตราภาษีก้าวหน้า นอกจากนี้เป้าหมายของการปรับโครงสร้างภาษีใหม่รถ จะเข้ามาช่วยพยุงให้รัฐบาลมีรายได้ภาษีมาชดเชยส่วนที่หายไปจากการส่งเสริมการใช้รถอีวีด้วย