รีเซต

บุกยิงร้านข้าวต้มกลางดึก ยังไม่ทราบสาเหตุ เจ้าของร้านท้า คราวหน้ายิงให้ถูกคน

บุกยิงร้านข้าวต้มกลางดึก ยังไม่ทราบสาเหตุ เจ้าของร้านท้า คราวหน้ายิงให้ถูกคน
มติชน
17 ธันวาคม 2564 ( 09:19 )
56

เมื่อเวลาประมาณ 00.15 น.ของวันที่ 17 ธันวาคม พ.ต.ท.เด่นพงศ์ เต็มยอด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.ท.หาญพล รามด้วง รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองพัทลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พัทลุง เข้าตรวจสอบบริเวณร้านอาหารบิ๊กแอ๊ด เป็นร้านข้าวต้มยามดึก ริมถนนไชยบุรี ใจกลางเมืองพัทลุง หลังนายสุรศักดิ์ อินทรวงค์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบ

 

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบร่องรอยกระสุนไม่ทราบชนิดถูกยิงเข้าตู้กระจกโชว์อาหารบริเวณหน้าร้าน กระสุนทะลุตู้กระจกเป็นรูทั้ง 2 ด้าน นอกจากนั้นยังพบรอยกระสุนถูกบริเวณกำแพงอีกจำนวน 1 นัด ในที่เกิดเหตุไม่พบหัวและปลอกกระสุนแต่อย่างใด สำหรับความเสียหายมีเพียงตู้กระจกเสียหายเป็นบางส่วนเท่านั้น

 

นายสุรศักดิ์ อินทรวงค์ หรือบิ๊กแอ๊ด เจ้าของร้านเล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้ปิดครัวแล้ว เหลือแขกเพียงโต๊ะเดียว นั่งริมถนนห่างจากหน้าร้านประมาณ 20 เมตร มีแขกจำนวน 4 คน ตนกำลังทยอยเก็บของจำพวกโต๊ะ เก้าอี้ อยู่หน้าร้านใกล้กับโต๊ะที่แขกนั่งดื่มกันอยู่ จากนั้นตนได้ยินเสียงปืนจำนวน 3 นัด ตอนนั้นตนยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ ซึ่งหาทิศทางที่มาของเสียงปืนไม่ได้ หลังจากได้ยินเสียงปืนดังก็มีรถกระบะสี บรอนซ์ทองมีแคปวิ่งผ่านหน้าร้านไป ตนคิดว่าเป้าหมายในครั้งนี้ผู้ก่อเหตุต้องการยิงตนแน่นอน แต่วิถีกระสุนพลาดเป้าไปทะลุตู้กระจก

 

“ถ้าหากคิดว่าเป็นการคึกคะนองของวัยรุ่น เพราะย่านดังกล่าวเป็นแหล่งสถานบันเทิงและร้านอาหาร แต่จากประสบการณ์ของตน วัยรุ่นจะยิงขึ้นฟ้ามากกว่าที่จะพุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลที่ไม่ใช่คู่อริ สำหรับสาเหตุนั้นตนไม่เคยมีปัญหากับใคร นอกจากมีปัญหาส่วนตัวกับครอบครัวเก่าที่เลิกรากันไป และเคยมีเรื่องกันเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา บิ๊กแอ๊ดยังบอกอีกว่าหากเป้าหมายคือตนจริงๆ คราวหลังยิงให้ถูกตัวนะ อย่างยิงแบบเฉี่ยวๆ คิดว่าเป้าหมายอื่นไม่มีเพราะตนเปิดร้านก็มีเพียงตนและภรรยาที่ช่วยกันทำอาหารและรับแขก”

 

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกบุคคลที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแขกที่ยังนั่งอยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมทั้งออกตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่ใกล้เคียงและตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนีทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ เพื่อรวบรวมหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง